Skip to content
Tel : 02-000-7294 063-661-2323
Open Daily : 10:00 - 20:00
bcoss clinic surgery
Menu
bcoss clinic
บริการของเรา
ศัลยกรรม เสริมหน้าอก
ศัลยกรรม ตาสองชั้น
ศัลยกรรม ดึงหน้า
ศัลยกรรม เสริมจมูก
อัปเดตข่าวสาร บทความศัลยกรรม
ติดต่อคลินิกของเรา
เกี่ยวกับคลินิกของเรา
English
Edit Template
bcoss clinic
บริการของเรา
ศัลยกรรม เสริมหน้าอก
ศัลยกรรม ตาสองชั้น
ศัลยกรรม ดึงหน้า
ศัลยกรรม เสริมจมูก
อัปเดตข่าวสาร บทความศัลยกรรม
ติดต่อคลินิกของเรา
เกี่ยวกับคลินิกของเรา
English
bcoss clinic
บริการของเรา
ศัลยกรรม เสริมหน้าอก
ศัลยกรรม ตาสองชั้น
ศัลยกรรม ดึงหน้า
ศัลยกรรม เสริมจมูก
อัปเดตข่าวสาร บทความศัลยกรรม
ติดต่อคลินิกของเรา
เกี่ยวกับคลินิกของเรา
English
ฉีดไขมันใบหน้า
ฉีดไขมันใบหน้า
(Facial Lipofilling)
การฉีดไขมันที่ใบหน้าเป็นเทคนิคการผ่าตัดที่ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญเป็นพิเศษไม่เพียงแต่ต้องใช้ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับศาสตร์ของการย้ายและปลูกถ่ายเนื้อเยื่อแล้วยังต้องใช้ศิลปะและความคิดที่เกี่ยวข้องกับความสวยงามของใบหน้า การฉีดไขมันตัวเอง เป็นการผ่าตัดซึ่งแตกต่างจากการฉีดคอลลาเจนโดยสิ้นเชิง การฉีดคอลลาเจนเป็นการฉีดสารที่เป็นของเหลว เข้าไปเติมให้เต็มในพื้นที่ ที่ต้องการ เข็มที่ใช้ฉีดสามารถใช้เข็มขนาดเล็กๆ ได้ความนูนเด่นของผิวหนังขึ้นกับปริมาณสารที่ฉีด แต่การฉีดไขมันเป็นการย้ายเซลล์ไขมันจากที่หนึ่งโดยแบ่งเนื้อเยื่อไขมันเป็นอนุภาคเล็กๆด้วยเข็มดูดไขมันหลังจากนั้นก็ย้ายเซลล์ไขมันมาใส่ในกระบอกฉีดยาที่ใช้สำหรับฉีดไขมันและฉีดผ่านเข็มขนาดเล็กๆ โดยการฉีดต้องฉีดในปริมาณน้อยๆและกระจายไปทั่วๆ ทุกชั้นของเนื้อเยื่อเพื่อให้เซลล์ที่ฉีดเข้าไปสัมผัสกับเนื้อเยื่อภายในให้มากที่สุดเพื่อให้เซลล์ไขมันมีเลือดมาเลี้ยงและมีชีวิตอยู่รอด ผลของการผ่าตัดความนูนเด่นของผิวหนังขึ้นกับจำนวนเซลล์ไขมันที่ฉีดเข้าไปแล้วมีเลือดมาเลี้ยงเพียงพอและมีชีวิตอยู่ได้ ไม่ได้ขึ้นกับปริมาณไขมันที่ฉีดเข้าไป ถึงแม้จะฉีดไขมันเข้าไปมากๆ แต่ผิวสัมผัสกับเนื้อเยื่อข้างเคียงไม่เพียงพอหรือมีเลือดมาเลี้ยงน้อยก็จะหายไปในเวลาต่อมา
การฉีดไขมันที่ใบหน้า สามารถฉีดได้หลายตำแหน่งไม่ใช่เฉพาะบริเวณที่ต้องการเสริมให้นูนเด่น เช่น ขมับ ,หน้าผาก ,คาง หรือโหนกแก้ม แต่การฉีดไขมันสามารถช่วยลดริ้วรอยที่เกิดขึ้นหลังจากมีอายุมากขึ้น เช่น รอยร่องแก้ม ร่องมุมปาก [ด้านข้างของคาง] ,ร่องน้ำตา การฉีดไขมันยังช่วยลดร่องรอยที่เหลืออยู่หลังการดึงหน้าหรือแก้ปัญหาที่ไม่สามารถแก้ไขด้วยการดึงหน้าได้ เช่น เติมร่องแก้มให้ตื้นขึ้น ร่องน้ำตา ,รอยย่นที่ริมฝีปากบน แก้ไขรอยย่นที่ริมฝีปากหรือฉีดกราม เพื่อให้เห็นใบหน้ากว้างขึ้น
การฉีดไขมันที่ใบหน้าจะได้ผลดีในกรณีเหล่านี้
1. แก้ไขรอยเหี่ยวย่นของใบหน้าที่เกิดจากอายุมากขึ้น
ในขณะที่อายุมากขึ้นจะมีรอยย่นเกิดจากแรงโน้มถ่วงและมีการสูญเสียไขมันในส่วนต่างๆได้แก่ บริเวณขมับ , ใต้ตา , โหนกแก้ม และมีรอยย่นที่ร่องแก้ม และด้านข้างของคางอย่างไรก็ตามต้องดูด้วยว่าผิวหนังมีความยืดหยุ่นดีหรือไม่ ถ้าผิวหนังมีลักษณะหย่อนยานมากและมีร่องรอยลึกมากการแก้ไขคงต้องทำผ่าตัดดึงหน้าหรือผ่าตัดหนังตาบนและล่าง
2. ความผิดปกติของไขมันตั้งแต่กำเนิด
ในคนที่มีอายุน้อยแต่มีตาลึกมากเนื่องจากไขมันที่เปลือกตามีน้อยมากสามารถฉีดไขมันแก้ไขได้หรือในบางกรณีที่มีร่องใต้ตาลึกหรือแก้มตอบมากหรือมีร่องแก้มลึกมา การฉีดไขมันอาจทำร่วมกับการผ่าตัดอย่างอื่นบนใบหน้าได้ เช่น การดึงหน้าหลังการผ่าตัดตกแต่งหนังตา ตำแหน่งที่สามารถฉีดไขมันได้ มีดังนี้
1 หน้าผากและรอยย่นหน้าผาก
2 รอยขมวดคิ้ว
3 ขมับ
4 ขอบบนของกระบอกตา
5 หนังตาล่าง
6 ร่องน้ำตา
7 โหนกแก้ม
8 ร่องแก้ม
9 ขอบบนของริมฝีปาก
10 ริมฝีปาก
11 ร่องมุมปาก
12 ด้านข้างของกราม
13 เติมแผลเป็นที่ยุบให้นูนขึ้น
14 ใต้คิ้ว
หมายเหตุ
ในการฉีดไขมันไม่ควรนำมาฉีดเพื่อเสริมจมูกให้โด่งมากเพราะไขมันจะกระจายออก ให้จมูกดูใหญ่เกินความจริงยากที่จะแก้ไขได้แต่ถ้าฉีดตำแหน่งเดียวเพื่อให้ โด่งมากๆไขมันที่อยู่ตรงกลางก็จะตายไปแรกๆ อาจจะดูโด่งตามรูปที่ถ่ายหลังผ่าตัด 1 – 2 อาทิตย์ แรกเมื่อผ่านไป 1 – 2 เดือน เซลล์ไขมันที่ตายจะถูกเม็ดเลือดขาวเก็บกินไปทำให้จมูกเล็กลง การฉีดจมูกด้วยไขมันอาจทำได้เฉพาะกรณีที่ต้องการเสริมบางตำแหน่งในปริมาณ น้อยๆ จึงจะได้ผลดังที่ต้องการ
การปรึกษาแพทย์ก่อนผ่าตัด ผู้ที่จะดูดไขมันเพื่อฉีดใบหน้าจะต้องเข้าใจว่าการฉีดไขมันเป็นการผ่าตัดเพื่อย้ายเซลล์ไขมันมาวางที่ใต้ผิวหนังของใบหน้าไม่เหมือนกับการฉีดยาหรือฉีดน้ำเกลือหลังผ่าตัดต้องมีเวลาพักฟื้นเพราะบริเวณใบหน้าที่ฉีดจะมีอาการบวมเหมือนกับการผ่าตัดอื่นๆที่ใบหน้าและต้องมีการดูแลหลังผ่าตัด ดังนั้น ต้องเตรียมวันหยุดหลังการผ่าตัดไว้ 5 – 7 วัน
การฉีดไขมันแม้จะมีอาการบวมมากแต่มีข้อดีคือ เซลล์ที่นำมาใส่ที่ใบหน้าเป็นเซลล์ไขมันของเราเองมักไม่มีปัญหาเรื่องการแพ้และเมื่อฉีดแล้วผลที่ได้จะได้ผลระยะยาวอย่างไรก็ตามผลที่ได้จากการฉีดไขมันจะมีผลค่อนข้างเป็นธรรมชาติไม่ดูเด่นชัดเหมือนกับการใช้ซิลิโคนแท่งหรือการฉีดสารเติมเต็มที่มีผลถาวร
ในวันที่มาปรึกษาแพทย์ควรเตรียมข้องมูลต่างๆ ดังนี้
⦁ ถ้ามีโรคประจำตัว เป็นเบาหวานควรแจ้งให้ทราบ เพราะมีโอกาสที่จะมีการติดเชื้อได้มากกว่าคนปกติ
⦁ ดูตำแหน่งที่จะดูดไขมันโดยมากจะดูดจากหน้าท้อง ต้นขา หรือด้านในของต้นขา
⦁ ตรวจสภาพของใบหน้าตามที่ทราบแล้วว่าถ้ารอยย่นมีมากหรือมีร่อยลึกมาก การฉีดไขมันอาจจะไม่มีประโยชน์
⦁ บริเวณที่ต้องการจะฉีดและปริมาณที่ต้องการจะฉีด
⦁ อาจต้องบอกว่าแผลที่ไปฉีดที่ใบหน้าจะเปิดแผลบริเวณไหน
⦁ ถ้าทำการดึงหน้าจะฉีดไขมันบางตำแหน่งด้วยหรือไม่
⦁ ดูภาพรวมหลังจาก กำหนดพื้นที่ๆจะฉีดแล้ว วันที่ปรึกษาจะเป็นวันที่กำหนดตำแหน่งที่จะฉีดได้ชัดเจน ถ้าจะเปลี่ยนตำแหน่งของแผลและปริมาณที่ฉีดควรเข้ามาปรึกษาแพทย์ใหม่
การเตรียมตัวก่อนผ่าตัด
⦁ เตรียมตัวลาหยุดงาน 4 – 6 วัน
⦁ งดอาหารและน้ำ 6 – 8 ช.ม. ถ้าดมยาสลบ
⦁ งดยาแก้ปวดกลุ่มแอสไพริน ทัมใจ ก่อนผ่าตัด 10 วัน
⦁ สมุนไพรบางชนิดเช่นอีฟนิ่งพรีมโรส ยาวิตามิน E ปริมาณสูงๆ อาหารที่มีส่วนผสมของผงชูรส กระเทียม หัวหอม ผลิตภัณฑ์จากถั่งเหลือง อาจทำให้เลือดออกมากผิดปกติ หรือมีปัญหาระหว่างผ่าตัดหยุดประมาณ 10 วัน
⦁ ควรพาเพื่อนมาด้วยในวันผ่าตัด
⦁ ล้างหน้าแปรงฟันก่อนมาผ่าตัด
⦁ ควรแจ้งให้แพทย์ทราบถึงโรคประจำตัวของคุณเช่นเบาหวาน,โรคหัวใจและยาที่แพ้ เช่น เพนนิซิลีน,ซัลฟา ฯลฯ
⦁ งดสูบบุหรี่ 2 อาทิตย์ก่อนผ่าตัด
ขั้นตอนการผ่าตัด
⦁ ทำโดยฉีดยาชาเฉพาะที่ หรือ ดมยาสลบ
⦁ แพทย์จะเปิดแผลที่หน้าท้องหรือต้นขาประมาณ 1/2 ซ.ม. แล้วฉีดยาชาผสมอาดินาลีน
⦁ ดูดไขมันอย่างนิ่มนวลโดยไม่ใช้แรงดูดสูงโดยใช้หัวดูดขนาดเล็กเพื่อไม่ให้เซลล์ไขมันตาย
⦁ แยกเซลล์ไขมันจากน้ำเหลืองด้วยน้ำเกลือ
⦁ ฉีดไขมันในตำแหน่งที่ต้องการโดยใช้เข็มฉีดและกระบอกฉีดขนาดเล็ก
⦁ เย็บปิดแผลที่ต้นขา หน้าท้อง และใบหน้า
การดูแลหลังผ่าตัด
⦁ การฉีดไขมันจะมีอาการบวมที่ใบหน้าประมาณ 3 – 5 วัน
⦁ มีอาการเขียวในตำแหน่งที่ดูดไขมันประมาณ 7 – 10 วัน
⦁ ไขมันที่ฉีดจะเข้าที่ในเวลาประมาณ 3 – 5 อาทิตย์ โดยจะมีเซลล์ไขมันบางส่วนที่สลายไป
⦁ ในวันแรกควรนอนพักมากๆ
⦁ ทานยา ลดบวมและทานยาแก้อักเสบตามแพทย์สั่ง
⦁ ถ้ามีอาการผิดปกติหรือแดงมากให้กลับมาพบแพทย์ ⦁ นัดตัดไหมเมื่อครบ 5 วัน
⦁ ประคบเย็นที่ใบหน้า [บริเวณหน้าผาก ,แก้ม 2 ข้าง] วันละ 4 ครั้ง เพื่อลดอาการบวมประมาณ 7 -10 วัน
⦁ นัดตรวจซ้ำประมาณ 1 อาทิตย์ หลังผ่าตัด
⦁ งดดื่มเหล้าประมาณ 3 – 5 วัน
⦁ สามารถออกกำลังกายได้ปกติใน 2 – 7 วัน
⦁ งดการนวดหน้า,ทาครีม,โลชั่น 24 ช.ม.
⦁ การฉีดไขมันมากต้องใช้ผ้ายืดพันรอบๆใบหน้าประมาณ 24 ช.ม.
⦁ ถ้าต้องการฉีดเพิ่มควรรอ 4 – 6 เดือน
Exploring Provigil: Implications for Drug Testing
The Role of Bactrim in Treating Sinus Infections
Exploring Amoxil: Insights into Its Side Effects and Efficacy
Exploring Bactrim’s Role in Treating Sinus Infections
The Intersection of Cialis and Liver Health
The Role of Amoxicillin in Modern Medicine
The Role of Lisinopril in Modern Medicine
The Role of Doxycycline in Modern Medicine
The Impact of Tadalafil on Sexual Health and Wellbeing
Exploring the Relationship Between Amoxil and Birth Control
Comparing Augmentin and Amoxicillin: A Closer Look
The Implications of Administering Lasix Too Quickly
Cialis Super Active: Addressing Male Health Challenges
Zithromax: A Key Solution for Travelers’ Diarrhea
Exploring the Impact of Antabuse on Alcohol Dependency
The Role of Diflucan in Treating Fungal Infections
Exploring the Impact of Accutane: Insights and Experiences
The Science Behind Priligy: Insights from the Latest Conference
The Role of Zithromax in Combating Travelers’ Diarrhea
The Effects of Prednisolone: A Comprehensive Overview
The Impact of Lexapro on Mental Health and Misuse Concerns
Exploring the Benefits of Inderal: A Conference Insight
The Importance of Proper Administration of Lasix
The Role of Cipro in Treating Colitis
Exploring Provigil’s Role in Chronic Fatigue Syndrome Management
The Benefits and Challenges of Clomid in Hormonal Therapy
The Key Role of Doxycycline in Modern Medicine
The Role of Flagyl in Modern Medicine
The Impact of Amoxil: A Conference Report on Side Effects
Exploring the Efficacy of Priligy in Treating Premature Ejaculation