Skip to content
Tel : 02-000-7294 063-661-2323
Open Daily : 10:00 - 20:00
bcoss clinic surgery
Menu
bcoss clinic
บริการของเรา
ศัลยกรรม เสริมหน้าอก
ศัลยกรรม ตาสองชั้น
ศัลยกรรม ดึงหน้า
ศัลยกรรม เสริมจมูก
อัปเดตข่าวสาร บทความศัลยกรรม
ติดต่อคลินิกของเรา
เกี่ยวกับคลินิกของเรา
English
Edit Template
bcoss clinic
บริการของเรา
ศัลยกรรม เสริมหน้าอก
ศัลยกรรม ตาสองชั้น
ศัลยกรรม ดึงหน้า
ศัลยกรรม เสริมจมูก
อัปเดตข่าวสาร บทความศัลยกรรม
ติดต่อคลินิกของเรา
เกี่ยวกับคลินิกของเรา
English
bcoss clinic
บริการของเรา
ศัลยกรรม เสริมหน้าอก
ศัลยกรรม ตาสองชั้น
ศัลยกรรม ดึงหน้า
ศัลยกรรม เสริมจมูก
อัปเดตข่าวสาร บทความศัลยกรรม
ติดต่อคลินิกของเรา
เกี่ยวกับคลินิกของเรา
English
ดูดไขมันที่ใบหน้า
ดูดไขมันที่ใบหน้า
(FacialLiposuction)
การดูดไขมันที่ใบหน้าเป็นการผ่าตัดที่มีการทำน้อยในประเทศไทยและเอเชีย เมื่อเทียบกับประเทศยุโรปและอเมริกา เพราะอาหารและอากาศทำให้คนไทยมีปัญหาเรื่องโรคอ้วนน้อยกว่า อย่างไรก็ตามในปัจจุบันพบว่าคนที่มีไขมันสะสมใต้คาง , คอ มีมากขึ้นเรื่อยๆ เทียบกับสมัยก่อน
การสะสมของไขมันที่ใบหน้าแบ่งเป็น 2 ระยะ
การเตรียมตัวก่อนผ่าตัด
⦁ ในวัยรุ่น ในคนอ้วนมากตั้งแต่เด็กจะมีไขมันสะสมที่คอ , คาง , และแก้มมากตั้งแต่เด็ก โดยทั่วไปในวัยเด็ก เด็กมักไม่สนใจเรื่องรูปร่างหน้าตา แต่เมื่อโตช่วงวัยรุ่นต้องใช้ชีวิตในสังคมและแต่งตัวมากขึ้น พบว่าตัวเองเริ่มมีปมด้อยเพราะถึงแม้ว่าจะลดน้ำหนัก ,บางครั้งส่วนคางและหน้าจะไม่ได้ลดลงได้มากจนสวยงามเท่าที่ต้องการ
⦁ ในวัยผู้ใหญ่ ในคนที่มีอายุ 19 – 28 ปี ใบหน้าจะเรียวสวย เห็นโครงสร้างของกระดูกขากรรไกรและคอได้ชัดเจน แต่เมื่อเวลาผ่านไป 35 – 40 ปี จะเริ่มมีอาการหย่อนยานที่แก้มเล็กน้อย พร้อมกับมีการสะสมของไขมันที่คอและคาง ทำให้แนวกระดูกขากรรไกรเห็นไม่ชัดและรูปหน้าเริ่มเปลี่ยนเป็นคนอายุมากขึ้น โดยเริ่มจากมีไขมันสะสมบริเวณนี้เห็นได้ชัดในผู้ชายมากกว่าผู้หญิงเพราะการสะสมไขมันในผู้หญิงเกิดตั้งแต่วัยรุ่น การสะสมของไขมันบริเวณส่วนล่างของใบหน้าทำให้ดูสูงอายุอย่างรวดเร็ว การดูดไขมันเพื่อให้รูปหน้าดูดีขึ้น สามารถทำได้ในอายุประมาณ (อายุ 30 – 40 ปี) นี้ เพราะความยืดหยุ่นของผิวหนังยังดีอยู่ การดูดไขมันที่ดีสามารถเปลี่ยนรูปหน้าได้ ดูหนุ่มหรือสาวขึ้นโดยที่มีแผลเป็นเล็กมากจึงถือเป็นเทคนิคหนึ่งที่เหมาะสมกับคนที่อายุยังไม่มากและผิวหนังยังไม่หย่อนยานมากเกินไป แต่ถ้าอายุเยอะมากๆ 60 ปีเริ่มมีผิวหนังยานลงแล้ว การดูดไขมันคงไม่เพียงพอต้องทำการผ่าตัดผิวหน้าโดยใช้การดึงหน้าร่วมด้วย การดูดไขมันที่หน้าทำได้เฉพาะใบหน้าและลำคอ
⦁ คาง โดยเฉพาะคอที่มีลักษณะเป็นสองชั้น
⦁ คอ
⦁ แก้ม ทั้งส่วนที่อยู่เหนือหรือใต้ต่อกระดูกขากรรไกรa
⦁ มีสุขภาพดี ไม่มีโรคประจำตัวที่ผลต่อการผ่าตัด
⦁ มีไขมันสะสม บริเวณใบหน้าและลำคอ ในสัดส่วนที่มากกว่าส่วนอื่นของร่างกาย
⦁ มีความยืดหยุ่นของผิวหน้าดี
⦁ เข้าใจถึงผลของการผ่าตัดดูดไขมัน
จนเห็นได้ว่า การดูดไขมันที่ใบหน้าจะได้ผลดีในคนที่อายุไม่มาก แต่มีไขมันสะสมมากผิดปกติ โดยที่ยังมีการยืดหยุ่นของผิวหนังดี สามารถเกิดความตึงตัวได้มาก หลังการผ่าตัดดูดไขมันสามารถทำให้รูปหน้าเห็นโครงสร้างของกระดูกขากรรไกรได้ชัดเจน โดยที่ไม่มีรอยเหี่ยวย่นปรากฏมาก
เทคนิคการผ่าตัด
การผ่าตัดดูดไขมันโดยปกติจะแบ่งเป็นเทคนิคต่างๆแบบดั้งเดิมและแบบที่ใช้ อัลตร้าซาวน์ แต่เนื่องจาก อัลตร้าซาวน์ มีการเกิดความร้อนบริเวณใต้ผิวหน้า อาจมีผลทำให้เกิดการชาที่ใบหน้าได้นานจึงไม่เหมาะกับการดูดไขมันที่ใบหน้าการผ่าตัดบริเวณนี้ จึงมักใช้เทคนิคปกติ ซึ่งแบ่งได้เป็น
⦁ DRY LIPOSUCTION เป็นการผ่าตัดที่ดูดไขมันหลังจากเปิดแผลเลย วิธีนี้ทำให้เลือดออกได้มากแต่เป็นวิธีที่ยังต้องใช้ในคนที่มีปัญหาเรื่องความดันและโรคหัวใจไม่สามารถฉีดยาชาผสมยาที่ทำให้เลือดหยุดได้
⦁ WET FACIAL LIPOSUCTION เป็นเทคนิคการผ่าตัดที่การฉีดสารหยุดเลือด ผสมกับยาชาไปที่ใต้ผิวหนัง ก่อนการดูดไขมัน การผ่าตัดทำโดยการเปิดแผลเล็กๆที่คาง, คอ หรือหน้า หู แล้วใส่ท่อเพื่อฉีดสารละลายเข้าไปก่อน เพื่อให้เส้นเลือดหดตัว แล้วจะเริ่มทำการดูดไขมันเทคนิคนี้เป็นเทคนิคที่ช่วยลดการเสียเลือดและลดปัญหาความไม่สม่ำเสมอของไขมันใต้ผิวหนังหลังการดูดไขมัน แต่การฉีดยาชาทำให้เส้นเลือดหดตัว(อดีนาลีน)มีผลทำให้ความดันสูงขึ้นและน้ำที่ฉีดเข้าไปก่อน จะเข้าไปสู่ระบบไหลเวียนโลหิตทำให้ความดันสูงขึ้นหัวใจทำงานหนักขึ้นจึงไม่ควรใช้เทคนิคนี้ในคนที่มีปัญหา โรคหัวใจและความดัน
การเตรียมตัวก่อนผ่าตัด
⦁ ควรเตรียมตัวหยุดงานประมาณ 1 อาทิตย์ เพราะโดยทั่วไปจะบวมมากประมาณ 3 วันและจะยุบบวม ถ้าเป็นไปได้ควรหยุดงานประมาณ 10 วัน
⦁ งดยาต้านการอักเสบ[NSAID] เช่น แอสไพริน บุหรี่ อาหารเสริมบางตัวที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือดเช่นกระเทียม น้ำมันปลาอย่างน้อย 2 อาทิตย์ ก่อนผ่าตัด
⦁ สมุนไพรบางชนิดเช่น อีฟนิ่งพริมโรส ยาวิตามินอีประมาณสูงๆอาหารที่มีส่วนผสมของผงชูรส กระเทียม หัวหอม ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง อาจทำให้เลือดออกมากผิดปกติหรือมีปัญหาระหว่างการผ่าตัด ควรแจ้งให้แพทย์ทราบเพราะอาจต้องหยุดสมุนไพรก่อนเข้ารับการผ่าตัดประมาณ 3 – 5 วัน
⦁ ควรมีเพื่อนมาด้วยในวันผ่าตัด
⦁ ควรแจ้งให้แพทย์ทราบถึงโรคประจำตัวของคุณ เช่นเบาหวาน,โรคหัวใจ และยาที่แพ้ เช่น เพนนิซิลิน ,ซัลฟา ฯลฯ
⦁ ถอดวัสดุโลหะเช่น แหวน,สร้อยคอ,นาฬิกา ฯลฯ ก่อนเข้าห้องผ่าตัด
⦁ ควรงดสูบบุหรี่ 1 อาทิตย์ ก่อนการผ่าตัด ถ้าดื่มเหล้าควรงด 24 ชั่วโมงก่อนผ่าตัด
⦁ ทำการตกลงกับแพทย์ก่อนผ่าตัดถึงเทคนิคที่ต้องการใช้ผ่าตัดแผลที่จะเป็นทางเปิดใส่สายดูดไขมัน ซึ่งจะเกิดแผลเป็นภายหลังและตำแหน่งที่ต้องการดูดไขมัน
⦁ สำหรับผู้ที่จะวางยาสลบต้องงดน้ำ งดอาหารก่อนผ่าตัดอย่างน้อย 6 ชั่วโมง
⦁ สระผมตอนเช้าก่อนผ่าตัดเพื่อป้องกันการติดเชื้อ
ขั้นตอนการผ่าตัด
⦁ เปิดแผลผ่าตัดเล็กๆ โดยทั่วไปจะซ่อนแผลเป็นในตำแหน่งที่เห็นไม่ชัด เช่น หลังใบหู, หน้าใบหู, ใต้คาง, ขอบจมูกหรือในรูจมูก
⦁ ฉีดสารละลายที่เป็นยาชาและยาหยุดเลือดใต้ผิวหนังรอประมาณ 10 นาที
⦁ ดูดไขมันโดยใช้หัวดูดขนาดเล็ก ดูดในตำแหน่งที่ต้องการ
⦁ เย็บปิดแผล ถ้าแผลขนาดเล็กอาจไม่ต้องเย็บปิดแผล
⦁ ปิดแผล
การดูแลหลังการผ่าตัด
⦁ นอนยกศรีษะสูงประมาณ 1 – 2 อาทิตย์ เพื่อลดอาการบวมหลังผ่าตัด
⦁ ทานยาแก้ปวดและยาแก้อักเสบตามที่ให้
⦁ ผ้าพันศรีษะจะพันไว้ประมาณ 1 วัน แต่มักมีอาการบวมมากอาจพันได้ 3 วัน
⦁ ใช้ผ้าเกลือเช็ดแผลแล้วทาด้วยยาผสมยาปฎิชีวณะวันละ 1 ครั้ง
⦁ นัดตัดไหมประมาณ 5 วัน
⦁ ประคบเย็นที่คาง,คอ และแก้มทั้ง 2 ข้าง วันละ 4 ครั้ง เพื่อลดอาการบวมประมาณ 3 วัน
⦁ ผ้าตาข่ายที่พันบริเวณในหน้านั้นปิดไว้เพียง 1 วัน เช้าวันรุ่งขึ้นให้ตัดหรือแกะออกจากนั้นสระผมได้ โดยเกาอย่างเบามือ เพื่อล้างคราบเลือดออก ซับแล้วเป่าผมให้แห้ง สามารถสระผมได้ทุกวันตามปกติ
⦁ รับประทานยาตามแพทย์สั่งถ้าเกิดอาการแพ้ยา เช่น มีผื่นแดง, คัน,คลื่นไส้,อาเจียน,
⦁ แน่นหน้าอก ให้มาพบแพทย์ทันที
⦁ งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ งดสูบบุหรี่ 2 อาทิตย์หลังการผ่าตัด
⦁ ถ้ามีอาการเลือดออกมากผิดปกติ หรือบวมมากควรติดต่อแพทย์โดยทันที
⦁ แต่งหน้าได้ภายใน 1 – 2 สัปดาห์
⦁ ถูกแดดได้ภายใน 6 เดือน โดยต้องทาครีมกันแดด
หมายเหตุ
⦁ 2 อาทิตย์หลังทำผ่าตัดนั้น หากที่บริเวณแผลมีรอบเขียวช้ำสามารถประคบน้ำอุ่นได้ วันละประมาณ 2 ครั้ง (รอยฟกช้ำนั้นสามารถหายได้ตามธรรมชาติ)
⦁ หลังทำผ่าตัดบริเวณคอ จะยังบวมอยู่ประมาณ 4 สัปดาห์ หลังจากนั้นจะหายเป็นปกติและอาการชาบริเวณใบหน้า , คอ จะหายไปเอง ประมาณ 6 เดือน หลังทำผ่าตัด เนื่องจากเส้นประสาทบริเวณใบหน้าถูกกระทบกระเทือน
⦁ หลังผ่าตัดแล้ว หากพบไหมยังหลงเหลืออยู่ให้ดึงหรือตัดออกเอง
⦁ นวดบริเวณใบหน้า (แก้ม,คาง 2 ข้าง) วันละ 2 ครั้ง เพื่อลดอาการบวม ,อาการแข็ง บริเวณแผลและให้โลหิตไหลเวียนได้สะดวก
⦁ รับประทานอาหาร , โดนแสงแรง ,ออกกำลังกายได้ตามปกติ
Exploring Provigil: Implications for Drug Testing
The Role of Bactrim in Treating Sinus Infections
Exploring Amoxil: Insights into Its Side Effects and Efficacy
Exploring Bactrim’s Role in Treating Sinus Infections
The Intersection of Cialis and Liver Health
The Role of Amoxicillin in Modern Medicine
The Role of Lisinopril in Modern Medicine
The Role of Doxycycline in Modern Medicine
The Impact of Tadalafil on Sexual Health and Wellbeing
Exploring the Relationship Between Amoxil and Birth Control
Comparing Augmentin and Amoxicillin: A Closer Look
The Implications of Administering Lasix Too Quickly
Cialis Super Active: Addressing Male Health Challenges
Zithromax: A Key Solution for Travelers’ Diarrhea
Exploring the Impact of Antabuse on Alcohol Dependency
The Role of Diflucan in Treating Fungal Infections
Exploring the Impact of Accutane: Insights and Experiences
The Science Behind Priligy: Insights from the Latest Conference
The Role of Zithromax in Combating Travelers’ Diarrhea
The Effects of Prednisolone: A Comprehensive Overview
The Impact of Lexapro on Mental Health and Misuse Concerns
Exploring the Benefits of Inderal: A Conference Insight
The Importance of Proper Administration of Lasix
The Role of Cipro in Treating Colitis
Exploring Provigil’s Role in Chronic Fatigue Syndrome Management
The Benefits and Challenges of Clomid in Hormonal Therapy
The Key Role of Doxycycline in Modern Medicine
The Role of Flagyl in Modern Medicine
The Impact of Amoxil: A Conference Report on Side Effects
Exploring the Efficacy of Priligy in Treating Premature Ejaculation