ชอบมากค่ะ👍 สนใจค่ะ คลินิกอยู่ที่ไหนคะ เลือกบีคอสคลินิก🔥 ราคาโดนใจ💯 ราคานี้จบเลยไหมคะ
ศัลยกรรม ดึงหน้า
การศัลยกรรมดึงหน้ามีเทคนิคอะไรบ้าง
การศัลยกรรมดึงหน้าเหมาะกับใคร
- การศัลยกรรมดึงหน้าแบบยกกระชับเฉพาะจุด (Mini Facelift) เป็นเทคนิคที่เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาหย่อนคล้อยบริเวณเฉพาะจุด เช่น บริเวณหน้าผาก ร่องแก้ม หรือเหนียง
- การศัลยกรรมดึงหน้าแบบดึงหน้าและยกกระชับลำคอ (Neck Lift) เป็นเทคนิคที่เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาหย่อนคล้อยบริเวณลำคอ
- อายุ 40 ปีขึ้นไป
- มีริ้วรอยและผิวหย่อนคล้อยบริเวณใบหน้า
- มีปัญหาหนังตาตก แก้มห้อย
- ต้องการยกกระชับใบหน้าให้ดูอ่อนเยาว์ขึ้น
ขั้นตอนการศัลยกรรมดึงหน้า
- การวางยาสลบ: แพทย์จะทำการวางยาสลบให้คนไข้ก่อนผ่าตัด เพื่อให้คนไข้รู้สึกสบาย ไม่รู้สึกเจ็บปวด
- การกรีดแผล: แพทย์จะกรีดแผลบริเวณขมับ ไล่ลงมาตามแนวไรผม ลึกลงมาถึงบริเวณใบหู และต่อลงมาบริเวณลำคอ ขึ้นอยู่กับเทคนิคการผ่าตัดที่ใช้
- การดึงกระชับ: แพทย์จะทำการดึงกระชับกล้ามเนื้อและผิวหนัง โดยอาจใช้วิธีต่างๆ เช่น การดึง SMAS (Superficial Musculoaponeurotic System) การเย็บยึดกล้ามเนื้อ การตัดผิวหนังส่วนเกินออก
- การเย็บปิดแผล: แพทย์จะทำการเย็บปิดแผลอย่างละเอียด โดยใช้เทคนิคการเย็บแบบซ่อนแผล เพื่อให้รอยแผลเป็นมองเห็นได้น้อยที่สุด
ศัลยกรรมดึงหน้ามี 2 ประเภทหลักๆ คือ
- ดึงหน้าแบบเต็มใบหน้า (Full Face Lift) เป็นการผ่าตัดยกกระชับใบหน้าทั้งหมด ตั้งแต่หน้าผาก แก้ม ร่องแก้ม ไปจนถึงลำคอ
- ดึงหน้าแบบจำกัด (Mini Face Lift) เป็นการผ่าตัดยกกระชับใบหน้าบางส่วน เช่น บริเวณแก้ม ร่องแก้ม หรือลำคอหลังการผ่าตัดดึงหน้า ผู้ป่วยจะต้องพักฟื้นที่โรงพยาบาลประมาณ 1-2 วัน จากนั้นจึงสามารถกลับบ้านได้
ผลลัพธ์หลังศัลยกรรมดึงหน้า
ข้อควรปฏิบัติหลังศัลยกรรมดึงหน้า
หลังศัลยกรรมดึงหน้า ผู้ป่วยจะต้องปฏิบัติตัวดังนี้
- ห้ามสูบบุหรี่หรือดื่มแอลกอฮอล์
- รับประทานยาตามแพทย์สั่ง
- ประคบเย็นบริเวณใบหน้า
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสบริเวณแผล
- สวมหมวกหรือผ้าพันคอเพื่อป้องกันแสงแดด
- รอให้แผลหายดีก่อนทำกิจกรรมที่ต้องใช้กล้ามเนื้อใบหน้า
ความเสี่ยงของศัลยกรรมดึงหน้า
สรุปศัลยกรรมดึงหน้า
คำถามยอดฮิตเกี่ยวกับศัลยกรรมดึงหน้า
1. การดึงหน้าคืออะไร?
การดึงหน้าเป็นหัตถการผ่าตัดเพื่อยกกระชับผิวหนังและเนื้อเยื่อที่หย่อนคล้อยบนใบหน้าและลำคอ ช่วยให้ดูอ่อนเยาว์ลง ผลลัพธ์ของการดึงหน้าจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล แต่โดยทั่วไปแล้วสามารถช่วยลดริ้วรอย ร่องลึก และความหย่อนคล้อยของผิวหนังบนหน้าผาก แก้ม ขากรรไกร และลำคอ
2. ใครบ้างที่เหมาะกับการดึงหน้า?
การดึงหน้าเหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวหนังหย่อนคล้อยบนใบหน้าและลำคอ และต้องการดูอ่อนเยาว์ลง โดยทั่วไปแล้วผู้ที่เหมาะกับการดึงหน้าจะมีอายุ 40 ปีขึ้นไป แต่บางกรณีผู้ที่มีอายุน้อยกว่า 40 ปีก็อาจเหมาะกับการดึงหน้าหากมีริ้วรอยและความหย่อนคล้อยของผิวหนังมาก
3. ประเภทของการดึงหน้ามีอะไรบ้าง?
มีหลายประเภทของการดึงหน้า ขึ้นอยู่กับความต้องการและสภาพผิวของแต่ละบุคคล ประเภททั่วไปของการดึงหน้า ได้แก่:
- การดึงหน้าแบบดั้งเดิม: เป็นการดึงหน้าแบบคลาสสิกที่ผ่าตัดบริเวณขมับ ใบหน้า และลำคอ
- การดึงหน้าแบบมินิ: เป็นการดึงหน้าแบบย่อส่วน เน้นเฉพาะบริเวณแก้มและลำคอ เหมาะสำหรับผู้ที่มีความหย่อนคล้อยเพียงเล็กน้อยถึงปานกลาง
- การดึงหน้าแบบ SMAS: เป็นการดึงหน้าแบบลึก ผ่าตัดชั้น SMAS (Superficial Musculoaponeurotic System) ซึ่งเป็นชั้นเนื้อเยื่อที่อยู่ใต้ผิวหนัง ผลลัพธ์จะคงทนยาวนานกว่าการดึงหน้าแบบอื่นๆ
- การดึงหน้าแบบผ่าตัดกล้องจุลทรรศน์: เป็นการผ่าตัดโดยใช้กล้องจุลทรรศน์ ช่วยให้แผลผ่าตัดมีขนาดเล็กและหายเร็วกว่าการผ่าตัดแบบดั้งเดิม
4. การดึงหน้าใช้เวลานานแค่ไหน?
ระยะเวลาในการผ่าตัดดึงหน้าจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับประเภทของการดึงหน้าและความซับซ้อนของการผ่าตัด โดยทั่วไปแล้วการผ่าตัดจะใช้เวลาประมาณ 2-4 ชั่วโมง
5. การดึงหน้าเจ็บหรือไม่?
ผู้ป่วยจะได้รับยาสลบหรือยาชาเฉพาะที่เพื่อลดอาการปวดระหว่างการผ่าตัด หลังการผ่าตัดอาจรู้สึกเจ็บปวดและบวม ซึ่งแพทย์จะสั่งยาแก้ปวดให้
6. การพักฟื้นหลังการดึงหน้าใช้เวลานานแค่ไหน?
โดยทั่วไปแล้วผู้ป่วยจะต้องพักฟื้นประมาณ 2-4 สัปดาห์หลังการผ่าตัด ในช่วงเวลานี้ควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ strenuous activities และควรประคบเย็นเพื่อลดอาการบวม แผลผ่าตัดจะหายสนิทภายใน 6-8 สัปดาห์
7. ผลลัพธ์ของการดึงหน้าคงอยู่ได้นานแค่ไหน?
ผลลัพธ์ของการดึงหน้าสามารถคงอยู่ได้นานหลายปี ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น อายุ สุขภาพ และการดูแลตนเองหลังการผ่าตัด