ตัดหน้าอก (Female-to-Male Mastectomy) - เปลี่ยนใหม่ให้มั่นใจยิ่งขึ้น
ประเภทของการตัดหน้าอก
ตัดเฉพาะเนื้อเยื่อเต้านม (Subcutaneous Mastectomy):
เป็นการตัดเนื้อเยื่อเต้านมออกทั้งหมด โดยยังคงหัวนมและปานนมไว้ในตำแหน่งที่เหมาะสมตัดเต้านมพร้อมผิวหนังบางส่วน (Double Incision with Nipple Grafting):
ใช้กับผู้ที่มีขนาดเต้านมใหญ่และผิวหนังหย่อนยาน แพทย์จะปรับตำแหน่งหัวนมใหม่เพื่อให้ดูสมส่วนตัดเต้านมพร้อมการดูแลหัวนม (Keyhole Technique):
เหมาะสำหรับผู้ที่มีขนาดเต้านมเล็ก ใช้การผ่าตัดขนาดเล็กบริเวณรอบปานนม
ทุกวิธีการทำโดยการดมยาสลบ
การเตรียมตัวก่อนผ่าตัด
- งดอาหารและน้ำอย่างน้อย 6 ชั่วโมงก่อนการผ่าตัด
- งดใช้ยาบางชนิดที่อาจมีผลต่อการผ่าตัดเช่น ยาแก้ปวด , แอสไพริน ถ้ามีโรคประจำตัวหรือแพ้ยาบางอย่างต้องแจ้งให้แพทย์ทราบก่อน
- หลีกเลี่ยงการผ่าตัดในช่วงมีประจำเดือน
- ปัสสาวะให้เรียบร้อยก่อนเข้าห้องผ่าตัด
- ตรวจเลือดดูระบบโลหิต การทำงานของไต เอ็กซเรย์ปอด และตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ ถ้าอายุมากกว่าหรือเท่ากับ 35 ปี
- ควรพาเพื่อนมาด้วยในวันผ่าตัด
- อุปกรณ์ของมีค่าเช่น แหวน สร้อยคอ กำไล ถ้าไม่จำเป็นควรเก็บไว้ที่บ้าน
- เตรียมลาหยุดงานประมาณ 3 – 5 วัน
- เสื้อผ้าที่ใส่หลังผ่าตัดควรเตรียมเสื้อเชิ้ตหลวมๆไม่ควรใส่เสื้อที่ต้องใส่ผ่านคอ
- ก่อนเข้าห้องผ่าตัดควรถอดเครื่องประดับที่เป็นโลหะติดตัวออกให้หมด
- หลังผ่าตัดไม่ควรขับรถเองประมาณ 5 – 7 วันไม่ควรขับรถมาโรงพยาบาลควรนัดให้คนขับรถมารับหรือใช้บริการสาธารณะ
- ผู้ที่ต้องการตัดหน้าอกต้องพบจิตแพทย์ 2 ท่าน เพื่อตรวจและวินิจฉัยและออกใบรับรองแพทย์ก่อนผ่าตัด
- งดวิตามิน ซี และ อี แลพหยุดฮอร์โมน 14 วันก่อนการผ่าตัด
การตัดหน้าอกมี ลักษณะแผลกี่แบบ
1. แผลแบบรอบปานนม (Peri-Areolar Incision)
เป็นการสร้างแผลรอบวงปานนม เหมาะสำหรับผู้ที่มีขนาดเต้านมเล็กและไม่หย่อนคล้อยมาก
- ข้อดี: แผลมีขนาดเล็ก มองเห็นได้ยากเมื่อแผลหายสนิท
- ข้อจำกัด: เหมาะสำหรับเต้านมที่มีขนาดเล็กเท่านั้น
2. แผลแบบคีย์โฮล (Keyhole Incision)
การสร้างแผลขนาดเล็กบริเวณรอบปานนมและตัดเนื้อเยื่อเต้านมออกผ่านแผลนี้
- ข้อดี: แผลเล็ก เหมาะสำหรับผู้ที่มีเต้านมเล็กและผิวหนังไม่หย่อนคล้อย
- ข้อจำกัด: ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีเต้านมขนาดใหญ่
3. แผลแบบเส้นตรงแนวนอน (Double Incision with Nipple Grafting)
เป็นการสร้างแผลแนวนอนบริเวณใต้หน้าอกและปรับตำแหน่งหัวนมใหม่
- ข้อดี: เหมาะสำหรับผู้ที่มีขนาดเต้านมใหญ่และผิวหนังหย่อนคล้อย
- ข้อจำกัด: แผลยาวกว่าแบบอื่นและอาจมองเห็นได้ชัดเจน
การดูแลแผลหลังผ่าตัด
- หลังการผ่าตัดจะมีผ้าพันหน้าอกและสายระบายเลือดน้ำเหลืองออกจากหน้าอกข้างละ 1 เส้นเพื่อระบายเลือดและน้ำเหลืองออกจากหน้าอกและป้องกันการเกิดเลือดคั่ง สายระบายจะติดอยู่กับตัวจนหมดปริมาณน้ำเหลืองและเลือดออกน้อยลงจึงจะทำการถอดสายออก
- โดยปกติแพทย์จะนัดตัดไหม 5 วัน แต่เทคนิคที่ 4 จะตัดไหมวันที่ 7 (คลายปม) และ 14 วันตัดทั้งหมด
- หลังผ่าตัดให้พันผ้ารัดหน้าอกไว้ 2 วันหลังจากนั้นแกะผ้ายืดออกแล้วเปิดแผล
- วันที่ 3 ให้เปิดแผลได้ใช้ยาที่ให้ทาแผล เช้า-เย็น
- สำหรับเทคนิคที่ 4 จะมีรอยย่นหลังตัดไหมรอยจะหายไปเมื่อ 2 – 3 เดือน
- ถ้ามีอาการผิดปกติหรือเลือดออกมากให้ติดต่อแพทย์ทันที
- วันแรกหรือวันที่ 2 หลังผ่าตัดแพทย์จะดึงสายระบายน้ำเหลืองออก
- ในบางรายแพทย์จะนัดคลายปม 5 วันแล้วอีก 3 วันจึงนัดมาตัดไหมหลังจากตัดไหมแพทย์จะปิดพลาสเตอร์ที่บริเวณรอยเย็บ เพื่อทำให้แผลหายสนิทและป้องกันการแยกของแผล หลังการผ่าตัด 1-2สัปดาห์จึงจะสามารถให้แผลโดนน้ำได้ แต่ไม่ควรถูหรือขัดบริเวณแผลผ่าตัด เพราะอาจจะทำให้แผลแยกได้ กรณีที่มีเลือดหรือน้ำเหลืองซึมออกมาควรรีบมาพบแพทย์
- แผลเป็นที่ปานนมจะมีสีคล้ำในระยะ 1 เดือนแรก ส่วนแผลเป็นจากการผ่าตัดจะมีการแข็งนูนแดงได้ในระยะแรก แต่ถ้าแผลเป็นมีการนูนแข็งตัวและขยายใหญ่ขึ้นมากกว่าเดิม อาจเกิดจากการเกิดแผลคีรอยด์ ซึ่งอาจมีการรักษาโดยการฉีดยา
- ควรใส่เสื้อที่มีขนาดกระชับบริเวณหน้าอกไว้ประมาณ 1 เดือน เพื่อช่วยกระชับผิวหนังไม่ให้เกิดการเหี่ยวย่น
ความเสี่ยงของการตัดหน้าอก
การผ่าตัดหน้าอก (Mastectomy) ถือเป็นการผ่าตัดที่มีความซับซ้อนและจำเป็นต้องทำโดยศัลยแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ แม้ว่าจะช่วยปรับเปลี่ยนร่างกายให้ใกล้เคียงกับเป้าหมายที่ต้องการ แต่ก็มีความเสี่ยงและผลข้างเคียงที่ควรทราบล่วงหน้า ดังนี้:
1. ความเสี่ยงทางกายภาพ
- การติดเชื้อ (Infection): แผลผ่าตัดอาจติดเชื้อหากดูแลไม่สะอาดหรือตอบสนองต่อเชื้อโรคที่อยู่ในร่างกาย
- เลือดออก (Bleeding): เลือดอาจออกมากในช่วงหลังผ่าตัด โดยเฉพาะถ้าผู้ป่วยมีภาวะเลือดไหลผิดปกติ
- แผลเป็น (Scarring): บางรายอาจเกิดแผลเป็นที่ชัดเจน ซึ่งขึ้นอยู่กับลักษณะการเย็บแผลและปัจจัยส่วนตัวของแต่ละคน
- การสูญเสียความรู้สึก (Numbness): เนื่องจากเส้นประสาทในบริเวณหน้าอกถูกตัดขาด อาจทำให้บริเวณหัวนมหรือรอบ ๆ ไม่มีความรู้สึกถาวร
- แผลหายช้าหรือไม่เรียบเนียน: ในบางกรณี ผู้ป่วยอาจเผชิญกับแผลที่หายช้าหรือไม่สวยงามตามที่คาดหวัง
2. ความเสี่ยงทางการแพทย์ทั่วไป
- ผลข้างเคียงจากการดมยาสลบ: เช่น คลื่นไส้ อาเจียน หรือภาวะดมยาแล้วไม่ฟื้นตัว
- การเกิดลิ่มเลือด (Blood Clots): โดยเฉพาะบริเวณขาหรือปอด (DVT/PE) ซึ่งเป็นภาวะร้ายแรง
- ภาวะน้ำเหลืองคั่ง (Seroma): ของเหลวอาจสะสมในบริเวณที่ผ่าตัดทำให้เกิดอาการบวม
3. ผลกระทบต่อความพึงพอใจในผลลัพธ์
- ความไม่สมดุล (Asymmetry): อาจเกิดการไม่สมดุลระหว่างซีกซ้ายและขวาของหน้าอก
- ความผิดพลาดในการจัดตำแหน่งหัวนม: หัวนมอาจไม่อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมตามธรรมชาติ
- ผลลัพธ์ที่ไม่ตรงกับความคาดหวัง: อาจต้องแก้ไขซ้ำหรือทำการผ่าตัดเพิ่มเติม
4. ผลกระทบทางจิตใจ
- ความวิตกกังวลและซึมเศร้า: การเปลี่ยนแปลงร่างกายอย่างถาวรอาจส่งผลต่อความมั่นใจหรืออารมณ์ในระยะเริ่มต้น
- การรับมือกับรูปร่างใหม่: ผู้ป่วยบางรายอาจต้องการเวลาในการปรับตัวเพื่อรับรูปร่างใหม่
การลดความเสี่ยง
- เลือกศัลยแพทย์ที่มีความเฉพาะทางและมีประสบการณ์สูง
- ปฏิบัติตามคำแนะนำในการดูแลแผลหลังผ่าตัดอย่างเคร่งครัด
- เข้ารับการปรึกษาเพื่อประเมินความเหมาะสมและผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น
- พักฟื้นร่างกายอย่างเหมาะสมและหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนักในช่วงแรก