Menu
Edit Template

ตัดหน้าอก (Female-to-Male Mastectomy) - เปลี่ยนใหม่ให้มั่นใจยิ่งขึ้น

การตัดหน้าอก (Mastectomy) เป็นการศัลยกรรมสำคัญสำหรับผู้ที่ต้องการแปลงเพศจากหญิงเป็นชาย ช่วยปรับรูปร่างให้สอดคล้องกับเอกลักษณ์ความเป็นชาย พร้อมเพิ่มความมั่นใจในตัวเอง

ประเภทของการตัดหน้าอก

  • ตัดเฉพาะเนื้อเยื่อเต้านม (Subcutaneous Mastectomy):
    เป็นการตัดเนื้อเยื่อเต้านมออกทั้งหมด โดยยังคงหัวนมและปานนมไว้ในตำแหน่งที่เหมาะสม

  • ตัดเต้านมพร้อมผิวหนังบางส่วน (Double Incision with Nipple Grafting):
    ใช้กับผู้ที่มีขนาดเต้านมใหญ่และผิวหนังหย่อนยาน แพทย์จะปรับตำแหน่งหัวนมใหม่เพื่อให้ดูสมส่วน

  • ตัดเต้านมพร้อมการดูแลหัวนม (Keyhole Technique):
    เหมาะสำหรับผู้ที่มีขนาดเต้านมเล็ก ใช้การผ่าตัดขนาดเล็กบริเวณรอบปานนม

ทุกวิธีการทำโดยการดมยาสลบ

การเตรียมตัวก่อนผ่าตัด

  1. งดอาหารและน้ำอย่างน้อย 6 ชั่วโมงก่อนการผ่าตัด
  2. งดใช้ยาบางชนิดที่อาจมีผลต่อการผ่าตัดเช่น ยาแก้ปวด , แอสไพริน ถ้ามีโรคประจำตัวหรือแพ้ยาบางอย่างต้องแจ้งให้แพทย์ทราบก่อน
  3. หลีกเลี่ยงการผ่าตัดในช่วงมีประจำเดือน
  4. ปัสสาวะให้เรียบร้อยก่อนเข้าห้องผ่าตัด
  5. ตรวจเลือดดูระบบโลหิต การทำงานของไต เอ็กซเรย์ปอด และตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ ถ้าอายุมากกว่าหรือเท่ากับ 35 ปี
  6. ควรพาเพื่อนมาด้วยในวันผ่าตัด
  7. อุปกรณ์ของมีค่าเช่น แหวน สร้อยคอ กำไล ถ้าไม่จำเป็นควรเก็บไว้ที่บ้าน
  8. เตรียมลาหยุดงานประมาณ 3 – 5 วัน
  9. เสื้อผ้าที่ใส่หลังผ่าตัดควรเตรียมเสื้อเชิ้ตหลวมๆไม่ควรใส่เสื้อที่ต้องใส่ผ่านคอ
  10. ก่อนเข้าห้องผ่าตัดควรถอดเครื่องประดับที่เป็นโลหะติดตัวออกให้หมด
  11. หลังผ่าตัดไม่ควรขับรถเองประมาณ 5 – 7 วันไม่ควรขับรถมาโรงพยาบาลควรนัดให้คนขับรถมารับหรือใช้บริการสาธารณะ
  12. ผู้ที่ต้องการตัดหน้าอกต้องพบจิตแพทย์ 2 ท่าน เพื่อตรวจและวินิจฉัยและออกใบรับรองแพทย์ก่อนผ่าตัด
  13. งดวิตามิน ซี และ อี แลพหยุดฮอร์โมน 14 วันก่อนการผ่าตัด

การตัดหน้าอกมี ลักษณะแผลกี่แบบ

1. แผลแบบรอบปานนม (Peri-Areolar Incision)

เป็นการสร้างแผลรอบวงปานนม เหมาะสำหรับผู้ที่มีขนาดเต้านมเล็กและไม่หย่อนคล้อยมาก

  • ข้อดี: แผลมีขนาดเล็ก มองเห็นได้ยากเมื่อแผลหายสนิท
  • ข้อจำกัด: เหมาะสำหรับเต้านมที่มีขนาดเล็กเท่านั้น

2. แผลแบบคีย์โฮล (Keyhole Incision)

การสร้างแผลขนาดเล็กบริเวณรอบปานนมและตัดเนื้อเยื่อเต้านมออกผ่านแผลนี้

  • ข้อดี: แผลเล็ก เหมาะสำหรับผู้ที่มีเต้านมเล็กและผิวหนังไม่หย่อนคล้อย
  • ข้อจำกัด: ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีเต้านมขนาดใหญ่

3. แผลแบบเส้นตรงแนวนอน (Double Incision with Nipple Grafting)

เป็นการสร้างแผลแนวนอนบริเวณใต้หน้าอกและปรับตำแหน่งหัวนมใหม่

  • ข้อดี: เหมาะสำหรับผู้ที่มีขนาดเต้านมใหญ่และผิวหนังหย่อนคล้อย
  • ข้อจำกัด: แผลยาวกว่าแบบอื่นและอาจมองเห็นได้ชัดเจน

การดูแลแผลหลังผ่าตัด

  1. หลังการผ่าตัดจะมีผ้าพันหน้าอกและสายระบายเลือดน้ำเหลืองออกจากหน้าอกข้างละ 1 เส้นเพื่อระบายเลือดและน้ำเหลืองออกจากหน้าอกและป้องกันการเกิดเลือดคั่ง สายระบายจะติดอยู่กับตัวจนหมดปริมาณน้ำเหลืองและเลือดออกน้อยลงจึงจะทำการถอดสายออก
  2. โดยปกติแพทย์จะนัดตัดไหม 5 วัน แต่เทคนิคที่ 4 จะตัดไหมวันที่ 7 (คลายปม) และ 14 วันตัดทั้งหมด
  3. หลังผ่าตัดให้พันผ้ารัดหน้าอกไว้ 2 วันหลังจากนั้นแกะผ้ายืดออกแล้วเปิดแผล
  4. วันที่ 3 ให้เปิดแผลได้ใช้ยาที่ให้ทาแผล เช้า-เย็น
  5. สำหรับเทคนิคที่  4 จะมีรอยย่นหลังตัดไหมรอยจะหายไปเมื่อ 2 – 3 เดือน
  6. ถ้ามีอาการผิดปกติหรือเลือดออกมากให้ติดต่อแพทย์ทันที
  7. วันแรกหรือวันที่ 2 หลังผ่าตัดแพทย์จะดึงสายระบายน้ำเหลืองออก
  8. ในบางรายแพทย์จะนัดคลายปม 5 วันแล้วอีก 3 วันจึงนัดมาตัดไหมหลังจากตัดไหมแพทย์จะปิดพลาสเตอร์ที่บริเวณรอยเย็บ เพื่อทำให้แผลหายสนิทและป้องกันการแยกของแผล หลังการผ่าตัด 1-2สัปดาห์จึงจะสามารถให้แผลโดนน้ำได้ แต่ไม่ควรถูหรือขัดบริเวณแผลผ่าตัด เพราะอาจจะทำให้แผลแยกได้ กรณีที่มีเลือดหรือน้ำเหลืองซึมออกมาควรรีบมาพบแพทย์
  9. แผลเป็นที่ปานนมจะมีสีคล้ำในระยะ 1 เดือนแรก ส่วนแผลเป็นจากการผ่าตัดจะมีการแข็งนูนแดงได้ในระยะแรก แต่ถ้าแผลเป็นมีการนูนแข็งตัวและขยายใหญ่ขึ้นมากกว่าเดิม อาจเกิดจากการเกิดแผลคีรอยด์ ซึ่งอาจมีการรักษาโดยการฉีดยา
  10. ควรใส่เสื้อที่มีขนาดกระชับบริเวณหน้าอกไว้ประมาณ 1 เดือน เพื่อช่วยกระชับผิวหนังไม่ให้เกิดการเหี่ยวย่น

ความเสี่ยงของการตัดหน้าอก

การผ่าตัดหน้าอก (Mastectomy) ถือเป็นการผ่าตัดที่มีความซับซ้อนและจำเป็นต้องทำโดยศัลยแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ แม้ว่าจะช่วยปรับเปลี่ยนร่างกายให้ใกล้เคียงกับเป้าหมายที่ต้องการ แต่ก็มีความเสี่ยงและผลข้างเคียงที่ควรทราบล่วงหน้า ดังนี้:

1. ความเสี่ยงทางกายภาพ

  • การติดเชื้อ (Infection): แผลผ่าตัดอาจติดเชื้อหากดูแลไม่สะอาดหรือตอบสนองต่อเชื้อโรคที่อยู่ในร่างกาย
  • เลือดออก (Bleeding): เลือดอาจออกมากในช่วงหลังผ่าตัด โดยเฉพาะถ้าผู้ป่วยมีภาวะเลือดไหลผิดปกติ
  • แผลเป็น (Scarring): บางรายอาจเกิดแผลเป็นที่ชัดเจน ซึ่งขึ้นอยู่กับลักษณะการเย็บแผลและปัจจัยส่วนตัวของแต่ละคน
  • การสูญเสียความรู้สึก (Numbness): เนื่องจากเส้นประสาทในบริเวณหน้าอกถูกตัดขาด อาจทำให้บริเวณหัวนมหรือรอบ ๆ ไม่มีความรู้สึกถาวร
  • แผลหายช้าหรือไม่เรียบเนียน: ในบางกรณี ผู้ป่วยอาจเผชิญกับแผลที่หายช้าหรือไม่สวยงามตามที่คาดหวัง

2. ความเสี่ยงทางการแพทย์ทั่วไป

  • ผลข้างเคียงจากการดมยาสลบ: เช่น คลื่นไส้ อาเจียน หรือภาวะดมยาแล้วไม่ฟื้นตัว
  • การเกิดลิ่มเลือด (Blood Clots): โดยเฉพาะบริเวณขาหรือปอด (DVT/PE) ซึ่งเป็นภาวะร้ายแรง
  • ภาวะน้ำเหลืองคั่ง (Seroma): ของเหลวอาจสะสมในบริเวณที่ผ่าตัดทำให้เกิดอาการบวม

3. ผลกระทบต่อความพึงพอใจในผลลัพธ์

  • ความไม่สมดุล (Asymmetry): อาจเกิดการไม่สมดุลระหว่างซีกซ้ายและขวาของหน้าอก
  • ความผิดพลาดในการจัดตำแหน่งหัวนม: หัวนมอาจไม่อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมตามธรรมชาติ
  • ผลลัพธ์ที่ไม่ตรงกับความคาดหวัง: อาจต้องแก้ไขซ้ำหรือทำการผ่าตัดเพิ่มเติม

4. ผลกระทบทางจิตใจ

  • ความวิตกกังวลและซึมเศร้า: การเปลี่ยนแปลงร่างกายอย่างถาวรอาจส่งผลต่อความมั่นใจหรืออารมณ์ในระยะเริ่มต้น
  • การรับมือกับรูปร่างใหม่: ผู้ป่วยบางรายอาจต้องการเวลาในการปรับตัวเพื่อรับรูปร่างใหม่

การลดความเสี่ยง

  • เลือกศัลยแพทย์ที่มีความเฉพาะทางและมีประสบการณ์สูง
  • ปฏิบัติตามคำแนะนำในการดูแลแผลหลังผ่าตัดอย่างเคร่งครัด
  • เข้ารับการปรึกษาเพื่อประเมินความเหมาะสมและผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น
  • พักฟื้นร่างกายอย่างเหมาะสมและหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนักในช่วงแรก