Menu
Edit Template

เสริมโหนกแก้ม(Malar Augmentation)

การผ่าตัดเสริมโหนกแก้ม แพทย์จะวางวัตถุที่ใช้เสริมบนกระดูกโหนกแก้ม  และหลังผ่าตัดจะมีอาการบวมมากกว่าการเสริมจมูก และคาง การเสริมโหนกแก้มเหมาะกับผู้ที่มีโหนกแก้มต่ำและต้องการเพิ่มความกว้างและความสูงของใบหน้าส่วนกลาง

เทคนิคการผ่าตัด

เทคนิคที่ 1 ผ่าตัดมีแผลในปากโดยไม่มีแผลภายนอก

เทคนิคที่ 2 มีแผลใต้ตาเช่นเดียวกับการผ่าตัดตาล่าง วิธีนี้แผลเป็นจะติดกับขนตา เช่นเดียวกับการผ่าตัดตกแต่งหนังตาล่าง

เทคนิคที่ 3 การฉีดไขมัน โดยการดูดไขมันจากหน้าท้อง

เทคนิคที่ 4 การฉีด Collagen ในที่นี้จะกล่าวถึงวิธีที่ 1, 2 เพราะเป็นวิธีที่ใช้บ่อย

วัสดุที่ใช้ในการเสริมโหนกแก้ม​

⦁ ใช้กระดูกของตัวเอง ไม่นิยมใช้เพราะต้องมีแผลผ่าตัดบริเวณอื่นที่จะนำกระดูกออกมาใช้ เช่น ชายโครง  เอวหรือศีรษะ

⦁ ใช้สารพวกแคลเซียม (HYDROXYAPATITE) จะยึดติดกับเนื้อเยื่อได้ดีกว่าซิลิโคน แต่การเหลาให้เข้ารูปและการถอดออกทำได้ยากกว่า จึงมีความนิยมน้อย

⦁ สารโพลีเมอร์ เช่น ซิลิโคน ในปัจจุบันนิยมใช้มาก เพราะว่าใช้ง่าย เหลาเป็นรูปทรงง่าย ถอดออกง่าย และไม่มีอันตรายต่อร่างกาย

การเตรียมตัวก่อนผ่าตัด

⦁ งดยาแก้ปวดแอสไพริน และยาในกลุ่มนี้ 10 วันก่อนผ่าตัด

⦁ สมุนไพรบางชนิดเช่นอีฟนิ่งพริมโรส ยาวิตามินอีปริมาณสูง ๆ อาหารที่มีส่วนผสมของผงชูรส กระเทียม หัวหอม ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง อาจทำให้เลือดออกมากผิดปกติหรือมีปัญหาระหว่างผ่าตัด ควรแจ้งให้แพทย์ทราบเพราะอาจต้องหยุดรับประทานสมุนไพรก่อนเข้ารับการผ่าตัดประมาณ 3 – 5 วัน

⦁ ถ้ามีโรคประจำตัวควรแจ้งให้แพทย์ทราบ

⦁ เตรียมตัวลาหยุดงาน
5   วัน สำหรับ  เทคนิคที่   1
5   วัน สำหรับ  เทคนิคที่   2
3   วัน สำหรับ  เทคนิคที่   3

⦁ ควรแจ้งให้แพทย์ทราบถึงโรคประจำตัวของคุณ เช่น เบาหวาน,โรคหัวใจ และยาที่แพ้ เช่น เพนนิซิลิน,ซัลฟา ฯลฯ

⦁ ควรเตรียมนำแว่นกันแดดไปด้วย  เพื่อใช้อำพรางดวงตาหลังการผ่าตัด  และป้องกันฝุ่นละออง ควรมีผู้ขับรถให้ เพราะหลังการผ่าตัดจะยังใช้สายตาได้ไม่สะดวกนัก  จึงไม่ควรขับรถเอง

⦁ ล้างหน้าก่อนมาผ่าตัด

⦁ ผู้ที่เป็นโรคหัวใจขาดเลือด ต้องการยา aspirin หรือ ผู้ที่เป็นโรคลิ้นหัวใจและทานยา Cumadin เป็นประจำ สมารถทำผ่าตัดได้ต่อเมื่อแพทย์ที่รักษายินยอมให้ทำและจะทำผ่าตัดเฉพาะในโรงพยาบาลเท่านั้น

⦁ ผู้ที่ใช้เครื่องกระตุ้นการทำงานของหัวใจ ไม่ควรมารับการผ่าตัด เนื่องจากเครื่องจี้ไฟฟ้าอาจมีผลต่อการทำงานของเครื่องกระตุ้นหัวใจได้

⦁ ถ้ามีความดันโลหิตสูง ต้องควบคุมให้ต่ำกว่า 140/90 mm Hg (มิลลิเมตร ปรอท) ก่อนมารับการผ่าตัด

⦁ ถ้าใส่คอนแทคเลนส์ ควรถอดออกแล้วใส่แว่นตา วันที่มาผ่าตัด

⦁ ฉีดยาชาบริเวณที่จะทำการผ่าตัด⦁ มีคนมาเป็นเพื่อน เพื่อช่วยดูแลขณะกลับบ้าน ขั้นตอนการผ่าตัด

ขั้นตอนการผ่าตัด

⦁ ฉีดยาชาบริเวณใต้ตา/ในปาก หรือวางยาสลบ

⦁ เปิดแผล เปิดช่องว่างสำหรับวาง silicone

⦁ ใส่ silicone เสริมในตำแหน่งที่ต้องการ

⦁ ใช้เวลาในการผ่าตัด 1 – 2 ชั่วโมง

การดูแลหลังการผ่าตัด

⦁ สำหรับเทคนิคที่ 1 ไม่จำเป็นต้องตัดไหม เนื่องจากใช้ไหมละลาย

⦁ สำหรับเทคนิคที่ 2 จะตัดไหมประมาณ 5 วันหลังผ่าตัด

⦁ ประคบน้ำเย็นที่บริเวณใต้ขอบตา ในระยะเวลา 2 วันแรกหลังการผ่าตัด โดยบรรจุน้ำแข็งในถุงพลาสติกสะอาด แล้วหุ้มด้วยผ้าขนหนูสะอาดอีกครั้งหนึ่ง นำมาประคบเพื่อบรรเทาอาการบวมและช่วยห้ามเลือดหรือของเหลวภายใน

⦁ ควรนอนยกศีรษะสูงไว้  เพื่อให้เลือดที่ค้างอยู่หลังการผ่าตัดนั้นไหลลงและขับเป็นของเสียออกจากร่างกายไป  อีกทั้งเป็นการป้องกันมิให้เลือดนั้นไหลไปสะสมจนเป็นสาเหตุให้อาการบวมยุบช้าลงได้

⦁ รับประทานยาแก้อักเสบและยาลดบวมตามที่แพทย์สั่งจนหมด หากมีอาการปวดสามารถรับประทานยาแก้ปวดได้

⦁ รับประทานอาหารได้ทุกอย่าง ยกเว้น อาหารที่เผ็ดจัดเป็นระยะเวลา 7 วันหลังผ่าตัด เพราะจะทำให้ความดันเลือดสูงขึ้น อาจทำให้มีเลือดออกจากแผล

⦁ ควรงดเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ เพราะจะทำให้เส้นเลือดขยาย  อาจมีเลือดออกได้และจะทำให้แผลยุบบวมช้าลง

⦁ ควรงดสูบบุหรี่เพราะจะทำให้เส้นเลือดหดตัว อาจทำให้เลือดไหลไปเลี้ยงที่แผลได้ไม่สะดวก

⦁ สามารถทำงานได้ตามปกติ แต่ควรงดการทำงานหรือการออกกำลังกายรุนแรง 7 วันหลังผ่าตัด

⦁ ควรงดใช้สายตาในช่วงแรก ๆ เพราะการใช้สายตา  เช่น  การดูทีวี หรือ การอ่านหนังสือ ทำให้ต้องกะพริบตาและเปลือกตาต้องเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา  อาจทำให้แผลอักเสบและหายช้า

⦁ กรณีที่คุณใส่คอนแทคเลนส์ ควรเปลี่ยนไปสวมแว่นตาแทนในช่วงอาทิตย์แรก หรือจนกว่าจะหายบวม และห้ามดึงเปลือกตาเพื่อใส่คอนแทคเลนส์  เพราะจะทำให้แผลผ่าตัดที่เย็บไว้เปิดแยกจากกันได้

⦁ หลังจากผ่าตัด 3 วัน  คุณจึงจะเริ่มล้างทำความสะอาดหน้าได้ตามปกติ  และควรใช้น้ำอุ่นหรือน้ำสะอาด  เพื่อล้างคราบสะเก็ดเลือดออกให้หมด

⦁ หากต้องการทำความสะอาดบริเวณแผลที่ดวงตา สามารถทำได้โดยใช้สำลีก้อนชุบน้ำอุ่นที่สะอาด เช็ดเบาๆ บริเวณแผลที่เปลือกตา

⦁ สามารถแต่งหน้าและแต่งแต้มตาได้ตามปกติ  หลังจากผ่าตัดแล้วประมาณ 1 – 2 อาทิตย์

⦁ หลังการผ่าตัดประมาณ 5 วัน ให้กลับไปพบแพทย์เพื่อตัดไหม

⦁ ระวังไม่ขยี้ตารุนแรง 3 อาทิตย์

⦁ นัดตรวจอีกเมื่อ 3 อาทิตย์ แต่ถ้าไม่มีอาการผิดปกติ อาจไม่นัดมาพบแพทย์ได้