แก้ไขร่องน้ำตา
(Tear Trough)

ร่องน้ำตาเป็นรอยลึกที่อยู่บริเวณมุมด้านในเบ้าตา บริเวณด้านใต้ต่อจากถุงไขมันใต้ตา ทอดไปตามขอบเบ้าตาจนถึงตำแหน่งกลางขอบเบ้าตา ร่องน้ำตาที่ลึกมากทำให้เกิดภาพขอบตาคล้ำ เพราะทำให้เกิดเงาดำใต้รอบดวงตา ร่องลึกทำให้มีการ แยกของผิวหนังส่วนเบ้าตา และแก้มออกจากกัน ทำให้ดูมีอายุมาก โดยเฉพาะตนที่อายุน้อย จนทำให้ดูแก่กว่าวัยโดยทั่วไป คนทีมีร่องน้ำตา มักจะมีปัญหาว่าดูแก่กว่าวัย เมื่อเทียบกับคนที่ไม่มีร่องน้ำตา

ตำแหน่งร่องน้ำตา คือ ผิวหนังใต้ดวงตา ตำแหน่งที่ติดกับกระดูกใต้ตา โดยเป็นตำแหน่งที่อยู่ระหว่างรอยนูนของไขมันใต้ตา และผิวหนังของแก้มที่นูนขึ้น ในคนที่มีถุงไขใต้ตามันใหญ่ขึ้นร่องน้ำตาก็จะเห็นชัดขึ้น

การแก้ไขปัญหาร่องน้ำตาจะทำได้โดย

01. ⦁ การฉีด ⦁ Filler

02. ⦁ การฉีดไขมันตัวเอง (⦁ Fat transfer)

03. ⦁ การผ่าตัด

1.  ฉีด filler โดยทั่วไปอาจใช้ restylane หรือ Juvedam

2.  ฉีดไขมันใต้ตา

3.  ผ่าตัดตกแต่งตาล่างร่วมกับการย้ายไขมันใต้ตามาปิดร่องน้ำตา

01. การฉีด FILLER

Filler ในกลุ่ม ไฮยาลูโรนิค แอซิด (Hyaluronic auid) ซึ่งเป็นสารประกอบน้ำตาลเชิงซ้อน ซึ่งเป้นส่วนประกอบของผิวหนังของคนเราตามธรรมชาติอยู่แล้ว มีคุณสมบัติเป็นสารอุ้มน้ำ ทำให้เกิดการสร้างผิวหนังใหม่ขึ้นมา เติมเต็มส่วนที่ขาดหายไปนั่นเอง ซึ่งสารเติมเต็ม ปัจจุบันได้มีการพัฒนาเพื่อให้ผิวดูสดใส อวบอิ่ม ใบหน้าตึงกระชับ กับปํญหาร่องแก้มที่มากขึ้นตามอายุ การฉีด Filler จะได้ผลดีมากในคนที่มีผิวหนังหนา เพราะจะมีโอกาส มีปัญหาคลำได้ก้อนๆน้อยกว่า การเลือก Filler ที่จะใช้นั้นมีความสำคัญค่อนข้างมาก ควรเป็นชนิดที่ปลอดภัยและผ่านการรับรอง จากองค์กรอาหารและยา และมั่นใจได้ว่าสามารถสลายได้เมื่อต้องการและไม่ตกค้างในร่างกาย และไม่ก่อให้เกิดความแพ้

ผู้ที่ไม่เหมาะกับการใช้ HA. (HYLURONIC ACID)

⦁ ผู้ที่มีปฏิกิริยาแพ้ต่อสาร Hyaloronic acid

⦁ ผู้ที่กำลังรับการรักษาด้วยยาต้านการแข็งตัวของเลือด

⦁ ผู้ที่มีประวัติแพ้ยาชา

⦁ หญิงตั้งครรถ์และให้นมบุตร

⦁ ผู้ที่มีโอกาสหรือประวัติการเป็นแผลเป็นนูนได้ง่าย

⦁ ไม่ควรได้รับการฉีด HA ควบคุ่กับการทำเลเซอร์ที่เกิดแผล หรือการลอกผิวหน้าบริเวณที่ทำการฉีด

⦁ ผู้ที่มีแนวโน้มในการเกิดแผลเป็นชนิด Hypertronic scar

ข้อควรหลีกเลี่ยง

⦁ หลีกเลี่ยงการทำ Laser หรือ treatment ประมาณ 2 สัปดาห์

⦁ ควรงดการดื่ม Alcohol หรือสุบบุหรี ประมาณ 2 -3 วัน เพื่อลดการบวมแดง และช้ำบริเวณที่ฉีด

⦁ ไม่ควรใช่เครื่องสำอางในระหว่าง 12 ชั่วโมงหลังการฉีด

⦁ ควรหลีกเลี่ยงการถูกแสงแดด รังสียูวี และอุณหภูมิที่ต่ำกว่า 0 องศสเซลเซียส

⦁ ไม่ควรอบเซาว์น่า ในระหว่าง 2 สัปดาห์หลังการฉีดยา

หลังการรักษา

⦁ ผิวหนังอาจแดง บวม ผื่นแดง ซึ่งอาจเป็นสาเหตุของอาการคัน หรือปวด (pain on pressure) หรือทั้งคู่ ซึ่งเกิดหลังการฉีดยา อาการนี้อาจเกิดหลังการฉีดยา 1 สัปดาห์ ห้อเลือด เลือดจับตัวเป็นก้อน

⦁ เกิดการแข็งตัวของเนื้อเยื้อ (indurationX หรือก้อนนูน (nodules) บริเวณที่ฉีดยา รอยด่าง (Staining) หรือผิวหนังมีสีที่เปลี่ยนไป (discolouration) บริเวณที่ฉีดยา

ขั้นตอนการรักษา

⦁ ทายาชาบริเวณรอบดวงตา 30 นาที

⦁ แพทย์ฉีด Filler เติมเต็มบริเวณใต่ตา 2 นาที (ขณะฉีดจะมีความรู้สึกเจ็บเล็กน้อย)

ผลการรักษา

⦁ ร่องน้ำตาเติมเต็มทันที

⦁ หลังทำมีโอกาศเขียว 50% นาน 7 วัน

⦁ ผู้ฉีดควรวางแผนในการฉีดเนื่องจากหลังการฉีดจะมีรอยเขียวช้ำใต้ตา

⦁ ผลการักษาอยู่ได้นาน 3-6 เดือน

02. การฉีดไขมันตัวเอง (FAT TRANSFER)

เทคนิคนี้ เหมาะกับคนที่ร่องใต้ตาลึกและกว้างมาก จะเป็นการฉีดโดยใช้ไขมันของตัวเองที่มีอยู่ตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นจากบริเวณต้นขาหรือหน้าท้อง นำมาฉีดลงไปยังใต้ผิวหนังใต้ตา จนทำให้ผิวกระชับเต่งตึงและเรียบเนียนอย่างเป็นธรรมชาติ เพราะการฉีดไขมันตัวเองจะไม่ทำให้เกิดอาการแพ้หรือเกิดผลกระทบหลังการฉีด อีกทั้งเซลล์ไขมันที่ฉีดเข้าไปและเหลืออยู่หลังจากผ่านไปประมาณ 2 เดือน จะคงอยู่ได้อย่างถาวร ซึ่งแตกต่างจากการฉีดฟิลเลอร์ที่จะต้องมาฉีดซ้ำอยู่เรื่อยๆ เมื่อสารสังเคาระห์สลายไป แต่การเติมเต็มเซลล์ไขมันเพื่อแก้ไขตาลึกนั้น บางรายอาจจะต้องทำมากกว่า 1 ครั้ง เนื่องจากเซลล์ไขมันที่ฉีดเข้าไปอาจสลายตัวหลังการฉีด และปริมาณการสลายตัวของเซลล์ไขมันก็ไม่แน่นอนขึ้นอยู่กับธรรมชาติของแต่ละคน

การเตรียมตัวก่อนการฉีดไขมัน

⦁ หลีกเลี่ยงการใช้ยาบางอย่างซึ่งอาจทำให้เลือดหยุดช้า เช่น แอสไพริน กลุ่มยาละลายลิ่มเลือดอื่นๆ ถ้ากินควรหยุดประมาณ 10-14 วัน

⦁ สมุนไพรบางงชนิด เช่น อีฟนิ่งพริมโรส ยาวิตามันอีปริมาณสูงๆ อาหารที่มีส่วนผสมของผงชูรส กระเทียม หัวหอม ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง อาจทำให้เลือดออกมากผิดปกติหรือมีปัญหาระหว่างผ่าตัด ควรแจ้งให้แพทย์ทราบเพราะต้องหยุดรับประทานสนมุนไพรก่อนเข้ารับการผ่าตัด 10-14 วัน

⦁ ควรแจ้งให้แพทย์ทราบถึงโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน โรคหัวใจ และยาที่แพ้ เช้น เพนนิซิลิน ซัลฟา เป็นต้น

⦁ ควรเตรียมแว่นตากันแดดไปด้วย เพื่อใช้อำพรางดวงตาหลังการผ่าตัด และป้องกันฝุ่นละออง ควรมีผู้ขับรถให้ เพราะหลังการผ่าตัดจะยังใช้สายตาได้ไม่สะดวกนัก จึงไม่ควรขับรถเอง

⦁ เตรียมหยุดงาน 5 วัน

⦁ ล้างหน้าให้สะอาดก่อนมาผ่าตัด และไม่ควรแต่งหน้า

⦁ หากใส่คอนแทคเลนส์ ควรถอดออกใส่แว่นตา วันที่เข้ารับการผ่าตัด

⦁ ควรมีญาติหรือเพื่อนมาด้วย เพื่อดูแลขณะกลับบ้าน

03. การผ่าตัด การผ่าตัดย้ายไขมันปิดร่องน้ำตา

เป็นการผ่าตัดแบบเดียวกับการผ่าตัดถุงไขมันใต้ตา แต่แทนที่จะตัดถุงไขมันใต้ตาออกไป เราจะทำการย้ายไขมันจากถุงไขมันมาถมหรือเติมบริเวณร่องน้ำตาให้เต็มขึ้น การผ่าตัดมีแผลผ่าตัดแบบเดียวกับการผ่าตัดตกแต่งหนังตาล่าง หลังจากย้ายไขมันแล้วสามารถตัดแต่งหนังตาล่างให้ตึงกระชับขึ้นได้ ทำให้ดวงตาดูอ่อนเยาว์ขึ้นส่วนผิวหนังก็จะตึงและร่องน้ำตาก็หายไป

ถ้าถุงไขมันใต้ตาไม่เพียงพอที่จะถมหรือเติมเต็มร่องน้ำตา อาจจะต้องใช้ไขมันจากที่หน้าท้องหรือต้นขามาเติมเพิ่มได้

⦁ การผ่าตัดทำโดยการฉีดยาชาไม่ต้องดมยาสลบ

⦁ ฉีดยาชาที่หน้าท้องหรือต้นขา ที่จะดูดไขมัน

⦁ ดูดไขมันโดยใช้หัวดูดไขมันขนาดเล็ก แล้วเย็บปิดแผล

⦁ ทำการแยกเซลล์มัน ออกจากน้ำเกลือและเลือด

⦁ ฉีดไขมันบริเวณร่องน้ำตา โดยใช้เข็มฉีดเฉพาะสำหรับดวงตา

การดูแลหลังการผ่าตัด

⦁ นอนยกศีรษะสูง (หนุนหมอน 2ใบ ) ประคบเย็นที่ตาวันละ 4 ครั้ง ประคบประมาณ 5-7 วัน เพื่อลดอาการบวม

⦁ รับประทานยาตามที่แพทย์สั่งทันที ถ้าเกิดอาการแพ้ เช่น คัน ผื่นแดง คลื่นไส้-อาเจียน แน่นหน้าอกให้หยุดรับประทานทันที และรีบมาพบแพทย์ทันที

⦁ หลังผ่าตัด 5 วันให้มาตัดไหม ที่หน้าท้องหรือขาหนีบ

⦁ หลังผ่าตัด 2 อาทิตย์ หรือ1 เดือน ให้มาพบแพทย์เพื่อตวรจอาการอีกครั้ง (โทรนัดล่วงหน้า)

⦁ งดสุราและบุหรี่ 2 อาทิตย์ และอาหารที่เผ็ดจัด หลังผ่าตัด

error: Content is protected !!