Menu
Edit Template

แก้ไขร่องแก้มลึก

การแก้ไขร่องแก้มลึกสามารถทำได้ 2 วิธีคือ

1. การเสริมร่องแก้มโดย Implantech

การแก้ไขร่องแก้มลึกโดย การผ่าตัดเสริมใต้ร่องแก้มและฉีดไขมันร่องแก้ม ร่องแก้มลึกและยาวเป็นลักษณะของคนที่มีอายุ มากหรือ คนที่มีอายุไม่มาก ถ้าเริ่มมีร่องแก้ม จะทำให้รูปใบหน้าดูแก่ลง การแก้ไขร่องแก้มที่ลึกนั้นอาจทำได้โดยการดึงหน้า ในบางครั้ง  อาจจะเร็วเกินไปในคนที่มีอายุยังไม่มาก

⦁ อายุ เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้มีริ้วรอย ร่องแก้ม
⦁ แสงแดด  เป็นสาเหตุที่เป็นตัวกระตุ้นให้ร่องแก้มลึกได้ เพราะแสงแดดจะทำไห้ผิวหยาบกร้านและเหี่ยวย่น
⦁ กรรมพันธุ์ คนที่มีผิวแห้งจะทำไห้มีริ้วรอยได้เร็วกว่า ลึกกว่าคนที่ผิวชุ่มชื่น
⦁ การรักษาสุขภาพผิว  ในกรณีที่เกิดร่องแก้มลึกในขณะที่อายุยังไม่มาก
⦁ โครงหน้า สำหรับคนที่มีแก้มเยอะก็จะทำไห้มีโอกาสเกิดร่องแก้มลึกได้มากกว่าคนที่ไม่ค่อยมีแก้ม ปัญหาร่องแก้มลึกไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะผู้ที่มีอายุมาก ผู้ที่มีอายุน้อยพบปัญหาร่องแก้มลึก ส่วนใหญ่มักจะเติมสารที่เรียกว่า ฟิลเลอร์ หรือซิลิโคนเหลว แต่สารเหล่านี้อาจจะอยู่ได้ไม่นาน และไม่มีความเป็นธรรมชาติ การรักษาร่องแก้มลึกยาว มีวิธีการรักษาได้หลายวิธีได้แก่
⦁ เติม Filler  วิธีนี้จะฉีดสารฟิลเลอร์เข้าไปในร่องแก้ม ทำได้เร็วและไม่ต้องผ่าตัด แต่จะอยู่ได้ประมาณ 8-12 เดือน วิธีนี้จะได้รับความนิยมมาก
⦁ ผ่าตัดยกกระชับ เป็นวิธีการผ่าตัดดึงหน้าทำไห้ร่องแก้มหายได้ เหมาะสำหรับคนอายุมากที่ร่องแก้มลึกและหน้าเหี่ยวมากๆ
⦁ เลเซอร์ เหมาะสำหรับคนที่ร่องแก้มลึกและยาว จะยิงเลเซอร์เข้าไปบริเวณร่องแก้มเพื่อให้พลัดเซลล์ผิวใหม่
⦁ การใช้ซิลิโคนแท่งเสริม ใต้ร่องแก้มจะช่วยให้ร่องแก้มส่วนนั้นนูนขึ้น วิธีนี้ใช้ได้กับคนที่มีฟันบนยื่น
⦁ การฉีดไขมัน  ไขมันเป็นสารธรรมชาติของร่างกาย ตำแหน่งในการฉีดร่องแก้ม เป็นการฉีดในตำแหน่งตื้น และมักจะไม่มีช่องว่างให้ฉีด การใช้เทคนิคปกติในการฉีดไขมันมักจะฉีดไขมันที่ร่องไม่ได้ การฉีดต้องใช้เทคนิคพิเศษ ในที่นี้จะกล่าวถึงเฉพาะเทคนิคหลักๆ ในดารแก้ไขร่องแก้มลึก คือการเสริมด้วยซิลิโคนและการฉีดไขมัน

A. การเสริมใต้ร่องแก้มโดย SILICONE หรือ กอร์เท็กซ์ ร่องแก้มเป็นร่อง ที่อยู่ระหว่างริมฝีปากและแก้มออกจากกันโดยส่วนนี้ของร่องมักจะอยู่ที่ด้านข้างของปีกจมูก ส่วนล่างอยู่ที่ด้านข้างของมุมปาก ส่วนบนที่อยู่ด้านข้างของจมูกจะเป็นส่วนที่ลึกและกว้าง และจะบางลง เมื่อร่องอยู่ไกลจากจมูกมากขึ้น การเสริมใต้ร่องแก้มทำได้โดยใช้วัสดุชนิดเฉพาะ เช่นซิลิโคน กอร์เท็ก หรือ Medpore เสริมเข้าไปใต้ร่องแก้มส่วนที่ติดกับปีกจมูก เสริมผ่านแผลในปาก โดยใช้วิธีนี้เป็นที่ได้ผลดี ใช้ร่องที่กว้างและลึกบริเวณด้านข้างของจมูก แต่จะไม่ช่วยในร่องที่ตื้นๆ การผ่าตัดแบบนี้ยังช่วยแก้ไขปัญหากระดูกที่ทรุดใต้ปีกจมูก และผู้ที่ปากยื่นให้ดูดีขึ้น

B. การฉีดไขมันเพื่อแก้ไขร่องแก้ม โดยปกติการแก้ไขร่องแก้มนิยมทำโดยฉีด filler เพราะ ฉีดได้ง่าย อย่างไรก็ตาม การฉีด filler ในบางคนอาจจะทำได้ไม่ดี โดยเฉพาะคนที่มีร่องแก้มลึกและแคบ โดยทั่วไปการฉีด filler จะเติมได้ดีในหลุมกว้างและลึก เช่น  หลุมใหญ่ใต้ผิวหนัง บริเวณแก้ม  หรือขมับ  แต่บริเวณร่องแก้มเนื่องจากร่องอยู่ในชั้นตื้นในชั้นผิวหนัง การฉีดเติมในชั้นตื้นบางครั้งตื้นเกินไปก็คลำได้ชัด บางคนลึกเกินไปก็ใช้เติมในบริเวณด้านข้างของร่องแก้ม ทำไห้ร่องแก้มยังดูลึกขึ้น จะเห็นได้ว่า การฉีดร่องแก้มดูเหมือนจะเป็นเทคนิคที่ง่ายและปลอดภัย แต่ในทางปฏิบัติจริงอาจทำได้ไม่ดีเท่าไหร่ การฉีดไขมันร่องแก้ม เป็นวิธีที่ยากกว่าการฉีด filler เพราะโดยทั่วไปไขมันไม่สามารถนำมาฉีดในชั้นผิวหนังได้ เพราะเป็นตำแหน่งที่ตื้นเกินไป การฉีดไขมันใช้เข็มทู่ขนาดใหญ่  ไม่สามารถฉีดในตำแหน่งร่องแก้มได้ดี เพราะตื้นและแคบ ไม่สามารถฉีดหลายระดับได้ การนำเซลล์ไขมันมาฉีดร่องแก้ม จะต้องใช้เทคนิคพิเศษ แตกต่างจากการฉีดไขมันทั่วไป คือ

⦁ ใช้หัวฉีดชนิดพิเศษ  (รูปหัวฉีด) ที่มีปลายตัดพังผืดของร่องแก้ม พร้อมกับการฉีด การตัดพังผืดทำไห้เกิดช่องว่างในชั้นไขมัน และด้านหน้าของรูเข็มที่ปล่อยไขมันทำไห้มีช่องว่างที่กว้างขึ้นเพื่อรองรับเซลล์ไขมัน

⦁ การทำ Subciseon ก่อนการฉีดในเข็มขนาดเล็กตัดพังผืดในร่องแก้มกับการฉีดไขมัน การทำ Subciseon ทำไห้ปัญหาร่องที่กว้างกว่านี้ทำไห้ฉีดไขมันง่ายขึ้น การเลือกเทคนิคการผ่าตัด อาจเลือกเทคนิค A หรือ B อย่างเดียวหรือทั้ง 2 เทคนิคก็ได้ ขึ้นอยู่กับตำแหน่งของร่องแก้มอยู่ที่ไหน คงต้องให้แพทย์เป็นผู้ประเมินก่อนทำการผ่าตัด

การเตรียมตัวก่อนผ่าตัด

⦁ ถ้ามีแผลหรือสิวที่บริเวณร่องแก้มหรือด้านข้างของจมูก ควรรอให้สิวหรือแผลหายก่อนจึงจะทำการผ่าตัดได้
⦁ งดยาต้านการอักเสบ (NSAID) เช่นแอสไพริน บุหรี่ อาหารเสริมบางตัวที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น กระเทียม น้ำมันปลา อย่างน้อย 2 อาทิตย์ ก่อนการผ่าตัด
⦁ หยุดรับประทานสมุนไพรก่อนเข้ารับการผ่าตัดประมาณ 3 – 5 วัน
⦁ ควรมีเพื่อนมาด้วยในวันผ่าตัด
⦁ ลาหยุดงาน ประมาณ 3 – 5 วัน
⦁ ควรแจ้งให้แพทย์ทราบถึงโรคประจำตัวของคุณ เช่น เบาหวาน,โรคหัวใจ, โรคหลดเลือดสมอง และยาที่แพ้ เช่น เพนนิซิลิน,ซัลฟา ฯลฯ
⦁ ล้างหน้าก่อนได้รับผ่าตัด
⦁ การใช้เทคนิคการฉีดไขมัน เตรียมความสะอาดหรือโกนขนบริเวณที่จะทำการดูดไขมัน

ขั้นตอนการผ่าตัด

เทคนิค A เสริมซิลิโคนใต้ร่องแก้ม

⦁ ให้ยานอนหลับที่มีฤทธิ์สั้นๆ ลดอาการวิตก และฉีดยาชารอบจมูก และปากบน
⦁ แผลที่ผ่าตัดจะมีความยาวประมาณ 1 ซม. รอบเหงือกบน
⦁ ผ่าตัดสร้างช่องว่าง (Pocket) ด้านข้างของจมูก
⦁ ใส่แท่งซิลิโคนที่เตรียมไว้และตรวจสอบความเรียบร้อย
⦁ เย็บปิดแผลโดยใช้ไหมละลาย
⦁ ปิดพลาสเตอร์ เพื่อช่วยป้องกันการขยับของซิลิโคน ทั้งนี้การใช้วัสดุเย็บแผลหรือชนิดพลาสเตอร์ขึ้นอยู่   
กับการพิจารณาของแพทย์
⦁ ใช้เวลาผ่าตัดประมาณ 45 นาที ไม่ต้องนอนพักที่โรงพยาบาล
⦁ นอนพักประมาณ 15-20 นาที เมื่อฤทธ์ยาชาลดลงจึงกลับบ้านได้

เทคนิค B

⦁ ฉีดยาชาบริเวณที่จะทำการดูดไขมัน อาจจะเป็นหน้าท้องหรือต้นขาเป็นตำแหน่งที่ใช้ไขมันบ่อยๆ
⦁ ดูดไขมันโดยใช้เข็มดูดขนาด 2-3 mm.
⦁ นำไขมันมาเตรียมเพื่อทำการฉีด
⦁ วาดรูปตำแหน่งร่องแก้ม ที่จะฉีดไขมันและฉีดยาชา
⦁ ใช้เข็มฉีดไขมันแบบพิเศษ ฉีดไขมัน 1-2 ซีซี
⦁ ถ้าไม่ใช้วิธีในข้อ 5 อาจใช้เข็มปลายแหลมทำการ Subcision ก่อนจะฉีดไขมันโดยใช้เข็มฉีดไขมันแบบปกติ
⦁ เย็บแผลบริเวนที่ดูดไขมัน และบริเวนที่ฉีดไขมันโดยใช้ไหมขนาดเล็ก การดูแลหลังผ่าตัด เทคนิค A
⦁ ประคบน้ำเย็นที่บริเวณร่องแก้ม  ในระยะเวลา 2 วันแรกหลังการผ่าตัด โดยใช้เจลประคบเย็น/หรือใช้ก้อนน้ำแข็งนำมาประคบเพื่อบรรเทาอาการบวมและช่วยห้ามเลือด
⦁ ควรนอนยกศีรษะสูงไว้  ประมาณ 1 อาทิตย์
⦁ รับประทานยาแก้อักเสบและยาลดบวมตามที่แพทย์สั่งจนหมด หากมีอาการปวด สามารถรับประทานยาแก้ปวดได้
⦁ รับประทานอาหารได้ทุกอย่าง ยกเว้น อาหารที่มีรสเผ็ดจัดเป็นระยะเวลา 7 วันหลังผ่าตัดเพราะจะทำให้ความดันเลือดสูงขึ้น อาจทำให้มีเลือดออกจากแผลได้
⦁ ควรงดเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ 7 วัน เพราะจะทำให้เส้นเลือดขยาย  และจะทำให้แผลยุบบวมช้าลง
⦁ ควรงดสูบบุหรี่ 2 อาทิตย์เพราะจะทำไห้แผลหายช้า
⦁ สามารถทำงานได้ตามปกติ แต่ควรงดการทำงานหรือการออกกำลังกายรุนแรง 7 วันหลังผ่าตัด
⦁ บ้วนปากบ่อยๆด้วยน้ำเกลือ หรือน้ำยาบ้วนปากที่จัดให้
⦁ ไหมผ่าตัดเป็นไหมที่ละลาย ไม่ต้องทำการตัดไหม
⦁ แพทย์จะนัดตรวจแผลประมาณ 7 วัน
⦁ ตรวจครั้งที่ 2 ประมาณ 3 อาทิตย์หลังยุบบวม
⦁ ผลการผ่าตัดจะเข้าที่และเปลี่ยนแปลงประมาณ 3 อาทิตย์ เทคนิค B ⦁ ทานยา ลดบวมและยาทานแก้อักเสบตามแพทย์สั่ง
⦁ ถ้ามีอาการผิดปกติหรือแดงมากให้กลับมาพบแพทย์
⦁ ใช้น้ำเกลือเช็ดแผลที่ผ่าตัดและแก้ม ทายาฆ่าเชื้อ เช้าเย็น
⦁ นัดตัดไหมเมื่อครบ 5 วัน
⦁ อาการบวม จะบวมมากประมาณ 1 อาทิตย์ และจะลดลงในช่วง อาทิตย์ที่ 2
⦁ จะคลำได้ก้อนตรงบริเวณแก้มประมาณ 2-3 เดือนหลังจากนั้นจะคลำได้ยากขึ้น