แก้ไขหนังตาบนหย่อน
(Upper Blepharoplasty)

ผู้ที่มีอายุมากขึ้น หนังตาชั้นบนมักตกลง ทำให้ชั้นตาเล็กลง และหนังตามักจะมีรอยย่น หย่อนยานมากขึ้น โดยที่บางครั้งชั้นตาอาจตกลงมาปิดชั้นม่านตาได้ หรือทำให้ขนตาม้วนเข้าด้านใน ทำให้ระคายเคืองตาได้ วิธีการตกแต่งหนังตาบน เป็นวิธีการที่จะช่วยตัดไขมันใต้ตาและตัดหนังตาส่วนเกินออก ช่วยให้ชั้นตาใหญ่ขึ้น พร้อมกับลดไขมันที่ตาบนในบางตำแหน่งได้ และยังสามารถย้ายไขมันไปเติมในบางตำแหน่งที่ขาดไขมันได้

⦁ ต้องการชั้นตาสูง – ต่ำ แค่ไหน

⦁ ไขมันที่ต้องการตัดโดยทั่วไป ไขมันที่หนังตาบนแยกคร่าวๆ ได้เป็น 2 กลุ่ม คือ ด้านใน (หัวตา) และด้านนอก โดยปกติแล้ว ในการผ่าตัดมักจะตัดไขมันด้านนอกเป็นส่วนใหญ่ สำหรับไขมันด้านในจะตัดออกเฉพาะในบางรายที่มีไขมันพวกนี้มาก

⦁ หางตา(Lateral Hood)โดยทั่วไป รูปร่างหางตาจะแบ่งเป็นหางตาชี้ขึ้น เพื่อให้รูปทรงของตาสดใสขึ้น หรือรูปของหางตาเป็นธรรมชาติก็จะตกลงเล็กน้อย

⦁ ต้องดึงขมับหรือดึงหน้าผากร่วมด้วยหรือไม่

การเตรียมตัวก่อนผ่าตัด

⦁ หลีกเลี่ยงการใช้ยาบางอย่างซึ่งอาจทำให้เลือดหยุดช้า เช่น แอสไพริน บรูโรเฟน พอนสแตน ฯลฯ ถ้ากินยาควรหยุดยาประมาณ 10 – 14 วัน

⦁ สมุนไพรและอาหารบางชนิดเช่น อาหารที่มีส่วนผสมของผงชูรส กระเทียม หัวหอม ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง อาจทำให้เลือดออกมากผิดปกติหรือมีปัญหาระหว่างผ่าตัด ควรแจ้งให้แพทย์ทราบเพราะอาจต้องหยุดรับประทานสมุนไพรก่อนเข้ารับการผ่าตัด ประมาณ 7 -10 วัน

⦁ วิตามิน และอาหารเสริมต่างๆ เช่น วิตตามินซี อีฟนิ่งพริมโรส กลูต้า คลอลาเจน และอื่นๆ ควรหยุดทานอย่างน้อย 10-14 วันก่อนการผ่าตัด

⦁ ควรแจ้งให้แพทย์ทราบถึงโรคประจำตัวของคุณ เช่น เบาหวาน ความดัน โรคหัวใจ และยาที่แพ้ เช่น         เพนนิซิลินซัลฟา ฯลฯ

⦁ ควรเตรียมนำแว่นกันแดดไปด้วย เพื่อใช้อำพรางดวงตาหลังการผ่าตัด และป้องกันฝุ่นละอองควรมีผู้ขับรถให้ เพราะหลังการผ่าตัดจะยังใช้สายตาได้ไม่สะดวกนัก จึงไม่ควรขับรถเอง

⦁ เตรียมลาหยุดงาน 5 วัน

⦁ ล้างหน้าก่อนมาผ่าตัด ไม่ควรแต่งหน้าในวันผ่าตัด

⦁ ผู้ที่เป็นโรคหัวใจขาดเลือด ต้องการยา aspirin หรือ ผู้ที่เป็นโรคลิ้นหัวใจและทานยา Cumadinเป็นประจำ สามารถทำผ่าตัดได้ต่อเมื่อแพทย์ที่รักษายินยอมให้ทำการผ่าตัดและจะทำผ่าตัด เฉพาะในโรงพยาบาลเท่านั้น

⦁ ผู้ที่ใช้เครื่องกระตุ้นการทำงานของหัวใจ ไม่ควรมารับการผ่าตัด เนื่องจากเครื่องจี้ไฟฟ้าอาจมีผลต่อการทำงานของเครื่องกระตุ้นหัวใจได้

⦁ ถ้ามีความดันโลหิตสูง ต้องควบคุมให้ต่ำกว่า 140/90 mm Hg (มิลลิเมตร ปรอท)ก่อนมารับการผ่าตัด

⦁ ถ้าใส่คอนแทคเลนส์ ควรถอดออกแล้วใส่แว่นตา วันที่มาผ่าตัดควรมีคนมาเป็นเพื่อน เพื่อช่วยดูแล ขณะกลับบ้าน

⦁ ถอดวัสดุโลหะ เช่น แหวน, สร้อยคอ, นาฬิกา ฯลฯ ก่อนเข้าห้องผ่าตัด

⦁ กรณีที่เป็นต้อกระจกและรอรับการผ่าตัดต้อกระจกควรปรึกษาจักษุแพทย์ก่อนนัดผ่าตัด

ขั้นตอนการผ่าตัด

⦁ ฉีดยาชาบริเวณที่จะทำการผ่าตัด

⦁ กรีดชั้นตาและเอาไขมันออก

⦁ เย็บยึดชั้นตากับกล้ามเนื้อด้านล่าง

⦁ เย็บปิดแผลชั้นผิวหนัง

การดูแลหลังการผ่าตัด

⦁ นอนยกศีรษะสูง (หนุนหมอน 2 ใบ) ประคบเย็นที่ตาทั้ง 2 ข้าง วันละ 4 ครั้ง ประคบประมาณ 5 – 7 วัน เพื่อลดอาการบวม

⦁ ผ้าก็อส (GAUZE) ที่ปิดแผลบนตานั้นให้ปิดเพียง 1 วัน หลังจากทำผ่าตัด จากนั้นให้เปิดผ้าออกได้เลย ไม่ต้องนำมาปิดอีก

⦁ ใช้ไม้พันสำลีชุบน้ำยาสะอาดในขวดเช็ดคราบเลือดและสิ่งสกปรกออก โดยเช็ดอย่างเบามือวันละ 2 – 3 ครั้ง และเช็ดได้บ่อย ๆ เมื่อสกปรก

⦁ รับประทานยาตามแพทย์สั่งจนหมด ถ้าเกิดการแพ้ยา เช่น คัน มีผื่นแดง คลื่นไส้ – อาเจียนแน่นหน้าอกให้หยุดรับประทานทันที และรีบมาพบแพทย์

⦁ หลังทำผ่าตัด 5 วัน ให้มาตัดไหม

⦁ หลังทำผ่าตัด 2 อาทิตย์ หรือ 1 เดือน ให้มาพบแพทย์เพื่อตรวจอาการอีกครั้ง (โทรนัดล่วงหน้า)

⦁ งดสุราหรือบุหรี่ 2 อาทิตย์ หลังผ่าตัด

⦁ กลับบ้านได้ แต่ควรหาโชเฟอร์มาขับรถให้

⦁ อาจจะมีน้ำตาไหลตลอดเวลาชั่วระยะหนึ่ง โดยเฉพาะเวลาที่โดนลม แต่จะหายไปภายในไม่กี่อาทิตย์

การดูแลหลังการตัดไหม

⦁ หลังจากตัดไหมแล้วตาจะยังมีอาการบวมอยู่ประมาณ 2 อาทิตย์ถึง1 เดือน จากนั้นประมาณ 3 เดือน แผลจะหายเป็นปกติ และดูเป็นธรรมชาติ

⦁ หลังตัดไหมแล้ว ให้ใช้EYE CREAM ทานวดที่แผลครั้งละ 30 – 40 ครั้ง วันละ 2 เวลา (เช้า – เย็น) เพื่อป้องกันการเกิดแผลเป็นนูนแข็ง

⦁ หลังทำผ่าตัดแล้ว 1 อาทิตย์ ในกรณีที่แผลเขียวช้ำ สามารถประคบอุ่นได้ โ ดยประคบวันละประมาณ 2 – 3 ครั้ง ประมาณ 3 – 5 วัน

⦁ หากมีอาการผิดปกติเกี่ยวกับแผล เช่น ตาแดงมาก เคืองตา แผลแยก ให้มาพบแพทย์ทันที

⦁ ล้างหน้า รับประทานอาหาร ออกกำลังกาย โดนแสงแดดได้ตามปกติห้ามขยี้ตาแรงเป็นเวลา 2 เดือน

error: Content is protected !!